กรุงเทพฯ 21 ก.พ.- กรุงศรีต่อยอดความสำเร็จรุกตลาด ESG โตต่อเนื่อง ชูจุดเด่น solution เพื่อธุรกิจครบวงจรตอกย้ำความแข็งแกร่งผ่านเครือข่าย MUFG เผยยอดสินเชื่อปี 65 ยังเติบโตที่ ร้อยละ 2 มูลค่ากว่า 4.7 แสนล้านบาทตั้งเป้าปี 66 เติบโตอีก ร้อยละ 5
นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) เปิดเผย การดำเนินงานในลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวิาณิชธนกิจ ของธนาคารกรุงศรีฯในปี 2565 ที่ผ่านมาว่า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปี64 ซึ่งถือว่ายังสามารถเติบโตได้ดี แม้จะได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโควิด ,การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน กรุงศรีฯ ยังให้การสนับสนุนการเงินกับธุรกิจด้านความยั่งยืนที่สำคัญ เพื่อตอกย้ำความสำเร็จในด้านESG ในการสนับสนุนธุรกิจไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน รวมมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท เช่น ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนให้กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกระทรวงการคลัง สนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด
นอกจากนี้ ยังให้บริการที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจ โดยร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญให้กับประชาชน หรือ ipo ให้กับบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด ซึ่งมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย รวมถึงยังให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการและช่วยหาพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในระดับภูมิภาค ร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคอาเซียนผ่านความร่วมมือระหว่างทีมกรุงศรี MUFG และ Security bank ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินในเครือข่ายของ MUFG
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 กรุงศรีฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนระยะกลางโดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท รวมถึงตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ลูกโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000-100,000 ล้านบาทภายในปี 2573
อย่างไรก็ตามในปี 2566 ถือว่ายังคงเป็นปีที่มีความเสี่ยงทั้งเรื่องของปัญหาสงคราม เรื่องของค่าเงิน ซึ่งต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือ
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตในปี 2566 คือกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลมหรือธุรกิจแบตเตอรี่ ที่จะเป็นปีที่ดีรวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่น่าจะเป็นอุตสาหกรรมชูโรงขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็น่าจะกลับมาคึกคักตามการกลับมาเปิดประเทศตอนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งแต่ต้องดูว่าจะมีความต่อเนื่องและยั่งยืนหรือไม่
สำหรับตัวเลข npl ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ยืนยันว่ามีจำนวนน้อย โดยกลุ่มลูกค้าที่รับผลกระทบคือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวแต่ขณะนี้ธุรกิจเริ่มกลับมาดี และเริ่มฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะกลับไปแบบเดิมได้ในอีก 1-2 ปี พร้อมยืนยันว่าปัญหา npl ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วซึ่งมีตัวเลขโดยรวมไม่สูง มีเพียงหลักเดียวของพอร์ตสินเชื่อมูลค่าไม่เกินพันล้านบาท.-สำนักข่าวไทย