การรถไฟฯ เคลียร์ชัดหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค ใช้งานได้ตามแผน 

กรุงเทพฯ 15 ก.พ.- การรถไฟฯ เคลียร์ชัด  โครงการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) มูลค่ากว่า 96  ล้าน เปิดประมูลตามระเบียบทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส พร้อมยืนยันใช้งานได้ตามแผน เกิดความคุ้มค่า คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ


ตามที่ปรากฏเป็นข่าว การรถไฟฯ ได้จัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) โดยวางทิ้งไว้ไม่นำมาใช้งานนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีข้อมูลไม่ถูกต้อง โดยภาพที่ปรากฏนั้นเป็นภาพของหุ่นยนต์ ฆ่าเชื้อ (UV-C) ถูกจัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อรอใช้งานตามวันที่กำหนดไว้ในแผนงาน ไม่ได้มีการวางทิ้งโดยไม่ได้ใช้งานแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันการรถไฟฯ ยังมีการนำหุ่นยนต์ออกมาใช้งานฆ่าเชื้อโรคภายในขบวนรถโดยสาร และสถานีรถไฟอยู่เป็นประจำต่อเนื่อง โดยนำออกมาในช่วงเวลากลางคืน หรือเวลาที่ไม่มีประชาชนหรือผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อให้เกิดความสะอาด ปลอดภัย  และป้องกันไม่ให้รังสียูวีชี (UV-C) ที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ กระทบต่อผู้โดยสารและประชาชนผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาในการดำเนินการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) โดยเริ่มต้นในปี 2564 ซึ่งอยู่ในช่วงที่สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยขณะนั้น ยังคงมีประชาชนที่มีความจำเป็นในการเดินทางมาใช้บริการรถไฟ  ประกอบกับมีผู้ปฏิบัติงาน ได้รับเชื้อและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง จนส่งผลกระทบต่อการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารรถไฟที่ใช้บริการบนขบวนรถและสถานี รวมทั้งดูแลผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟฯ ให้ลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


การรถไฟฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมในการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ขึ้น โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า การจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) โดยใช้รังสีการฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด C มีความสามารถในการทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเชื้อโรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ได้ดี และมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำกว่าการฆ่าเชื้อโรคโดยวิธีฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์  และไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายไว้หลังการใช้งาน  

จากนั้น การรถไฟฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) โดยดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เปิดให้มีการเสนอราคาทำการประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยมีการสอบราคาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โปร่งใสครบถ้วน จนกระทั่งสามารถจัดหา หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อไวรัสด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยจำนวน 20 ตัว รวมวงเงิน 96.25 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในวงเงินดังกล่าว ไม่ใช่เป็นแค่มูลค่าเฉพาะหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคจำนวน 20 ตัวเท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงการดูแลบำรุงรักษา การซ่อมแซม และรับประกันตลอด 2 ปีเต็ม และยังรวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยจัดการอบรมการใช้งานหุ่นยนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของการรถไฟฯ จำนวน 30 คน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อฯ ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


ปัจจุบัน การรถไฟฯ ได้นำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) นำมาใช้งานกับขบวนรถโดยสาร และตามสถานีต้นทาง/ปลายทางต่างๆ ดังนี้

  • 1.สถานีกรุงเทพ จำนวน 4 ตัว
  • 2.สถานีเชียงใหม่ จำนวน 2 ตัว
  • 3.สถานีหนองคาย จำนวน 2 ตัว
  • 4.สถานีอุบลราชธานี จำนวน 2 ตัว
  • 5.สถานีชุมทางหาดใหญ่ จำนวน 2 ตัว
  • 6.สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของพนักงานการรถไฟฯ จำนวน 3 ตัว
  • 7.สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 5 ตัว

ที่สำคัญผลดำเนินงานจากการจัดหาและนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคมาใช้ปฏิบัติงาน ฆ่าเชื้อโรคภายในสถานี และบนขบวนรถโดยสาร ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ  ความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงผู้โดยสารที่ใช้บริการอย่างชัดเจน ซึ่งจากสถิติตั้งแต่มีการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อมาใช้งานเห็นได้ว่า จำนวนของผู้โดยสารที่เดินทางรถไฟในช่วงระยะเวลาดังกล่าวกว่า 17 ล้านคน ไม่มีผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการเดินทางโดยรถไฟหรือมาใช้บริการที่สถานีเลยซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าในการช่วยป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดในขณะนั้น  และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความสูญเสียแก่พี่น้องประชาชน  ตลอดจนทำให้รถไฟ ยังเป็นระบบขนส่งสาธารณะ ที่เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน สามารถเปิดให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาในช่วงเกิดวิกฤติดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติม เกี่ยวกับความคุ้มค่า และคุณสมบัติพิเศษของหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคดังกล่าวซึ่งถือเป็นหุ่นยนต์ที่มีสเป็ก และเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งการฆ่าเชื้อไวรัสด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตชนิดเข้มข้น การประมวลผลการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเองผ่านระบบไวไฟ 5G อีกทั้งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานโดย CE และ TUV Rheinland (UVDR/Ultra Violet Disinfection Robot, AGV/Autonomous Guide Vehicle) และการทดสอบจากหลายหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คุณสมบัติของ หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) เป็นเทคโนโลยีกำจัดแบคทีเรียโดยใช้รังสีอัลตราไวโอเลตชนิด C หรือที่เรียกว่า UV-C เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 200 – 280 นาโนเมตร มีความสามารถในการทำลายDNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเชื้อโรคต่างๆ ทำให้แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคชนิดต่างๆ ไม่สามารถขยายตัวต่อไปได้ มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.99% ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที จึงมีข้อได้เปรียบกว่าการฆ่าเชื้อโรคโดยวิธีการฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ทั้งในแง่ของความสะดวกและระยะเวลาในการทำความสะอาดและที่สำคัญ สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ และไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายไว้หลังการใช้งาน อีกทั้งหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ยังสามารถกำจัดหรือทำลายเชื้อโรคได้ทุกชนิด รวมถึงสปอร์ของเชื้อโรค ซึ่งเป็นการการฆ่าทำลายเชื้อโดยวิธีทางกายภาพ และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ COVID-19 โดยใช้แสง UV ที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ มีความเหมาะสมในการใช้งานเฉพาะพื้นที่  เช่นสถานีรถไฟ หรือ บนขบวนรถ รวมทั้งสถานที่อื่นๆ

-ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรค โดยมีการทดสอบ ด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษหรือ ATK สำหรับการตรวจสอบนับปริมาณเชื้อโรคต่างๆ บนวัตถุของบริษัท 3 M ประเทศไทย ซึ่งมีการตรวจวัดปริมาณเชื้อโรคต่างๆ จากมือจับประตู ก่อนทดสอบการใช้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ วัดค่าได้1,095 RLU ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงมาก เชื้อโรคต่างๆสามารถติดไปกับผู้ที่ใช้มือสัมผัสมือเปิดประตูได้ง่ายมาก แต่หลังจากทดสอบใช้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อเพียงไม่กี่วินาที ก็สามารถทำให้ปริมาณเชื้อโรคต่างๆบนบริเวณมือจับประตูลดลง ส่งผลทำให้ลดการแพร่เชื้อโรคต่างๆได้อย่างชัดเจน

– ผ่านการทดสอบ โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้ทดลองฉายรังสีอัลตราไวโอเลตเพื่อฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยที่ใช้งานแล้วพบว่า ฉายรังสีเป็นเวลา 30 นาที สามารถทำลายเชื้อ COVID-19 และเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในหน้ากากได้โดยไม่ทำให้เส้นใยหน้ากากอนามัยเสียหายจนเสียประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคและการทดสอบยังพบว่ารังสียูวีชี UV-C สามารถฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ บนพื้นผิวทั่วไป และในน้ำได้เป็นอย่างดี

-การฆ่าเชื้อไม่มีกลิ่นและผลข้างเคียง ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานต่อผู้โดยสาร ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารรถไฟ ที่ใช้บริการบนขบวนรถและสถานี รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานการรถไฟจากความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เพื่อให้ได้รับการยอมรับว่าการโดยสารทาง รถไฟเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย ปลอดเชื้อและมีมาตรฐานระดับโลก

การทดสอบทำงานด้วยคำสั่งทางไกลแบบอัตโนมัติ และขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง

 -ผ่านการทดสอบ การสั่งการได้ทันที หรือสั่งการอัตโนมัติด้วยการกำหนดโปรแกรมไว้ล่วงหน้า ซึ่งควบคุมได้จากโทรศัพท์มือถือในระยะไกลจัดอยู่ในประเภท Autonomous Guide Vehicle (AGV) และสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนไปใช้สำหรับ Thermal scan หรือ Security Camera รวมถึงทดสอบความเร็วของระบบนำทาง (Navigation Speed) ทางตรง 2 เมตร/นาที ทางโค้ง 1 เมตร/นาที

-ผ่านการทดสอบการทำงานแบบ Simultaneous localization and mapping (SLAM) โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ด้วยทำการสร้างแผนที่เป็นแบบ 3 มิติ โดยรอบพื้นที่ ( Program based mapping ) ที่เหมาะสมก่อนก่อนเข้าดำเนินการตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือ ณ เวลาปัจจุบันก็ได้ และมี WIFI Router 5G ในตัว  อีกทั้งยังมีระบบเซ็นเซอร์อินฟราเรด ควบคุมการทำงาน ได้แก่

  • 1.มีระบบป้องกันมนุษย์ ( Human detection) หุ่นยนต์จะหยุดอัตโนมัติทันที เมื่อ Infra-Red เซ็นเซอร์ จับสัญญาณมนุษย์ได้ภายในรัศมี 5 เมตร
  • 2.ระบบเซ็นเซอร์ป้องกันการชน (Anti-collision electric sensors) ด้วยระบบ Laser & Lidar ระบบ Ultrasonic และกล้องในตัว
  • 3.กลไกป้องกันการชน (Mechanical anti-collision) สามารถป้องกันการชนได้ 360 องศา
  • 4.สวิตช์หยุดฉุกเฉิน (Emergency stoppage)

– ผ่านการทดสอบจากหลายหน่วยงาน และนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยถือว่ามีความเหมาะสมต่อการใช้งานเนื่องจากมีระบบป้องกัน เมื่อมีวัตถุหรือคนเคลื่อนไหวเข้ามาในรัศมีที่กำหนด ระบบจะตัดการทำงานทันที เมื่อมีระยะห่างหรือในรัศมีที่ปลอดภัย ระบบจะทำงานต่ออัตโนมัติ จึงมีความปลอดภัยเมื่อนำไปใช้งานจริง

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความกระจ่างชัดเจน ในการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคมาใช้งานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเชื้อโรคต่างๆ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม และประเมินผลการดำเนินการในด้านต่างๆ ของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงจุดยืนว่า การรถไฟฯ ได้ยึดมั่นความโปร่งใส ซื่อสัตย์ มีธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ และประเทศชาติเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.สั่งเยียวยา ตรวจสอบเหตุ ฮ.ตำรวจตก

ประจวบคีรีขันธ์ 24 พ.ค. – ลำเลียงร่างตำรวจ 3 นาย เสียชีวิตจาก ฮ.ตก ส่งชันสูตร ด้าน ผบ.ตร.สั่งเยียวยาเต็มที่ ให้เร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยด่วน ช่วงบ่ายของวันนี้ เกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบอุบัติเหตุ ระเบิดกลางอากาศ จนมีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย จุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ประสบเหตุเป็นรุ่น เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะบินกลับที่หน่วย ตชด. จังหวัดกาญจนบุรี อุบัติเหตุในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วยนักบิน 2 คน คือ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ, ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย และ ช่างเครื่อง 1 คน คือ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ […]

ฮ.ตำรวจตก จ.ประจวบฯ เสียชีวิต 3 นาย

ประจวบฯ 24 พ.ค. – คืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ จ.ประจวบฯ พบผู้เสียชีวิต 3 นาย เป็นนักบิน 2 ช่างเครื่อง 1 ความคืบหน้าเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ใกล้เคียงวัดหนองพังพวย ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 13.10 น. มีผู้เสียชีวิต 3 นายคือ พันตำรวจตรีประเทือง ชูเลิศ นักบิน ร้อยตำรวจเอกทรงพล บุญชัย นักบิน และร้อยตำรวจโททินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง สำหรับภารกิจขึ้นบิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ขึ้นจากท่าแร้งไปต่างจังหวัด หรือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการในพื้นที่แล้วปฏิบัติภารกิจ ล่าสุดมีภาพผู้เสียชีวิตบางส่วน และบางรายโดดร่มลงจากเฮลิคอปเตอร์ แต่รายละเอียดยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา และทุกอย่างยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นบินจากค่ายอาภากรเกียรติวงศ์ จ.ชุมพร ปลายทางค่ายนเรศวร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นายและครอบครัว สั่งการเร่งด่วนให้ช่วยเหลือเยียวยา และตรวจสอบสาเหตุต่อไป.-สำนักข่าวไทย

สายลับไรเดอร์ ตามจับบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เชียงใหม่ 24 พ.ค.-ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ปลอมตัวเป็นไรเดอร์ สะกดรอยตามจับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักท่องเที่ยวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เปิดให้จองที่พักทิพย์ตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด เสียหายมากถึงวันละ 300,000 บาท โดยมีเงินโอนเข้าบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 50 บัญชี แก๊งนี้ทำมาแล้วกว่า 6 เดือน ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำหมายจับศาลเชียงใหม่ ติดตามจับกุมนายบุญ (หนุ่มชาติพันธุ์) คาห้องเช่า ใกล้พรมแดน ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ คดีหลอกลวงทางออนไลน์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง เครื่องนับเงินสด และเงินสดอีกจำนวน 20,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด หลายรายการ ซุกซ่อนในตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังขยายผลจับกุมผู้ต้องหา ที่เปิดบัญชีม้า ในการรับโอนเงินได้อีก 3 คน และอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะคนที่จัดหาบัญชีม้า และโทรศัพท์มือถือ สำหรับใช้ในการกระทำความผิดกับผู้ต้องหา ด้าน พันตำรวจโท อวิรุทธ์ สุขแย้ม […]

ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว

ตาก 24 พ.ค.-ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว ถึงแม้ว่าทหารเมียนมาจะใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดตลอดทั้งวัน พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร เปิดเผยถึงสถานการณ์สู้รบบริเวณแนวชายแดน ประเทศเมียนมา ที่ติดอยู่กับประเทศไทย การสู้รบอยู่บริเวณด้านตรงข้าม บ.ห้วยน้ำนัก ม.4 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร โดยหลังจากทหารเมียนมา ใช้อากาศยาน แบบ Y-12 บินตรวจการณ์และทิ้งระเบิด จำนวนประมาณ 30 ลูก โจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่โดยรอบ ฐานเจดีย์ขาว บ.เบอโด้ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา เพื่อสนับสนุนการป้องกันฐานที่มั่น หลังจากถูก กกล.KNLA ปิดล้อมและโจมตี แต่ก็ไม่สามารถต้านทาน กกล.KNLA ได้ กระทั้งเวลา 19.00 น. กกล.KNLA สามารถเข้าควบคุมฐานเจดีย์ขาว ได้สำเร็จ สามารถตรวจยึดอาวุธและยุทโธปกรณ์ได้หลายรายการ […]

ข่าวแนะนำ

“วันหงส์แดงแห่งชาติ” ลิเวอร์พูลฉลองแชมป์สมัยที่ 20

25 พ.ค. – แฟนบอลลิเวอร์พูลในเมืองไทย จัดงาน “วันหงส์แดงแห่งชาติ” เฉลิมฉลองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ สมัยที่ 20 โดยมี ยอห์น อาร์เน่ รีเซ ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล ร่วมขึ้นรถแห่ฉลอง.-สำนักข่าวไทย

งานวิ่งทิพย์ไร้ผู้จัด นักวิ่งกว่าพันคนโดนเท

กรุงเทพฯ 25 พ.ค. – นักวิ่งนับพันคนโดนเทในงานวิ่งทิพย์ “Run for destination” แห่แจ้งความวุ่น ขณะที่สาวชุดดำ หนึ่งในสตาฟฟ์ โผล่มาคนเดียว ประกาศคืนเงินคนละ 10 บาท เรื่องวุ่นๆ ของคนรักวิ่ง เช้านี้ (25 พ.ค.) นักวิ่งถึงกับมึนเมื่อโดนผู้จัดงานเท กลายเป็นงานวิ่งทิพย์ มีแค่ซุ้มประตู เต็นท์กิจกรรม และรถห้องน้ำ แต่ไม่มีผู้จัด หนึ่งในสตาฟฟ์โผล่มาคนเดียว บอกไม่ได้อ่านไลน์กลุ่ม จึงไม่ทราบผู้จัดและทีมงานถอนตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว กลายเป็นวุ่นวายกันตั้งแต่ช่วงเช้า (25 พ.ค. 68) เมื่อนักวิ่งต่างแห่แชร์ในโลกโซเชียล งานวิ่ง Run For Destination 2025 เป็นงานวิ่งทิพย์ ตามกำหนดจัดขึ้นที่สวนหลวง ร.9 กรุงเทพฯ และทุกอย่างพร้อม นักวิ่งพร้อม แต่ไม่มีผู้จัดงาน โดนเทกันครั้งใหญ่ สำหรับงานวิ่ง Run For Destination 2025 มีกำหนดวิ่งในวันนี้ ที่สวนหลวง ร.9 […]

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 2 นายตำรวจ ฮ.ตก

25 พ.ค. – พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 2 นายตำรวจเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้าน ผบ.ตร. สั่งเร่งสอบสวนหาสาเหตุ พร้อมช่วยเหลือเยียวยาและให้กำลังใจครอบครัว ความคืบหน้ากรณีเฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบลล์ 212 หมายเลขประจำเครื่อง 2215 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสบอุบัติเหตุตกบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ 3 นายตำรวจ ประกอบด้วย พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ (ตำแหน่งนักบิน สบ 2) อายุ 33 ปี, ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย (ตำแหน่งนักบิน สบ 1) อายุ 34 ปี และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย (ตำแหน่งช่างอากาศยาน สบ 1) อายุ 55 ปี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (24 พ.ค.) ขณะเฮลิคอปเตอร์กำลังบินจาก […]

นายกฯ จ่อถกนอกรอบเมียนมา แก้น้ำท่วมเชียงราย

บน.6 25 พ.ค. – นายกฯ เตรียมถกนอกรอบเมียนมา แก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงราย บอกสถานการณ์คลี่คลายเร็ว เพราะเตรียมพร้อมตั้งแต่ปีที่แล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 46 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ว่า เรื่องสารปนเปื้อนได้สั่งการแล้ว แต่ต้องดูรายละเอียดต่อ ซึ่งได้มีการคุยกันนอกรอบแล้ว และมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูเรื่องนี้ด้วย ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้คลี่คลายลงแล้ว มีการจัดตั้งโรงครัวดูแลพี่น้องประชาชน และจากที่พื้นที่แจ้งมา ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต น้ำท่วมครั้งนี้คลี่คลายได้เร็ว เพราะเรามีบทเรียนจากปีที่แล้ว ซึ่งตนได้สั่งการตั้งแต่ปีที่แล้วว่า เป้าหมายของเราจะทำอย่างไรไม่ให้แย่ไปกว่าเดิม ไม่ให้น้ำท่วมหนักเหมือนเดิม อะไรที่เคยเกิดขึ้นแล้วต้องเบาลงทุกอย่าง นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติอะไรก็ตาม จะต้องเบาลง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ฤดูฝนนี้เรามีการขุดลอกคูคลอง ซึ่งได้ทำไว้ตั้งแต่น้ำท่วมปีที่แล้ว จึงทำให้น้ำท่วมครั้งนี้ไม่หนัก ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะมาก ส่วนเส้นทางของน้ำที่เราตกลงกับเมียนมา ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร ในส่วนของเราเริ่มแล้ว แต่บังเอิญทางเมียนมามีปัญหาเรื่องแผ่นดินไหว เขาจึงเริ่มช้ากว่าเรา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพคุยหมดแล้ว และเขาเตรียมความพร้อมที่จะเริ่มแล้ว การที่ตนไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน […]