กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – ตลท. เผยปี 2565 บจ.จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 6.4 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จาก บจ. 564 แห่ง สูงสุดใน 3 หมวด พลังงานและสาธารณูปโภค-ธนาคาร-เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แนะเป็นทางเลือกจัดสรรเงินออมลงทุนในหุ้นปันผล
นางสาวสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา (2555 – 2565) พบว่า ในช่วง 8 ปีแรก (ปี 2555 – 2562) กำไรสุทธิรวมทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก่อนลดลงมากในปี 2563 ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 บริษัทจดทะเบียนไทยปรับตัวตอบรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2564 กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดไปอยู่ที่ระดับสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เปิดตลาด
ขณะที่ในปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจากรายงานผลประกอบการล่าสุด พบว่า กำไรสุทธิสำหรับช่วง 9 เดือนของปี 2565 สูงกว่า 811,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามผลประกอบการ และผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 และต่อเนื่องในปี 2565 ทำให้ในปี 2565 บริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลรวมสูงกว่า 645,622 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน 564 บริษัท รวม 846 ครั้ง โดย 3 หมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่าสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ในช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผลช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค.2565 บริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลรวม 530 ครั้ง หรือคิดเป็น 62.6% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2565 โดยในเดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวนครั้งในการจ่ายเงินปันผลมากที่สุด รวม 441 ครั้ง หรือคิดเป็น 52.1% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2565
จากข้อมูลกำไรสุทธิรวมในปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนประกาศจ่ายเงินปันผล เป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักลงทุนจะคัดเลือกหุ้นปันผลและเลือกจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นปันผลเข้าพอร์ตการลงทุนของตน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลตามเป้าหมายที่วางไว้ ท่ามกลางภาวะอัตราเงินเฟ้อสูง แต่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยังมีผลประกอบการดี และมีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดสรรเงินออมมาลงทุนในหุ้นปันผล
ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และสูงประมาณ 1.3 เท่าของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนที่สูงสุดของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ.-สำนักข่าวไทย