นนทบุรี 13 ม.ค. – คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว แจ้งเคาะประกันรายได้ข้าว งวดที่ 14 รอบเก็บเกี่ยว ระหว่างวันที่ 7-13 ม.ค. 2566 คาดเงินเข้าบัญชีเกษตรกรได้วันที่ 18 ม.ค.นี้ ระบุราคาข้าวเปลือกยังดีต่อเนื่อง
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 14 สำหรับเกษตรกรกว่า 4,000 ราย ที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 7-13 ม.ค. 2566
โดยมีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและส่วนต่างชดเชย ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 14,139.99 บาท ชดเชยตันละ 860.01 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 12,040.14 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,540.74 บาท ชดเชยตันละ 459.26 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,348.16 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,949.63 บาท ชดเชยตันละ 50.37 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 1,511.10 บาท
ทั้งนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางอ้างอิงงวดนี้สูงกว่าราคาประกัน จึงไม่มีการชดเชยส่วนต่างในงวดนี้ ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,081.16 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,492.79 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่ตันละ 12,000 บาท
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 18 ม.ค. 2566 ผลการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ณ วันที่ 11 ม.ค. 2566 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ในงวดที่ 1-13 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวภายในวันที่ 6 ม.ค. 2566 จำนวน 2.575 ล้านครัวเรือน
ทั้งนี้ การโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรที่ผ่านมา ที่มีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้วทำให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สำเร็จลดลง ดังนั้น ขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหาชื่อ-สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส.สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป
ในส่วนของการดำเนินมาตรการคู่ขนาน ธ.ก.ส. ได้รายงานว่า โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก เกษตรกรและสหกรณ์ เก็บข้าวเปลือกเข้ายุ้งฉางแล้วกว่า 2 ล้านตัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งจ่ายสินเชื่อและค่าฝากเก็บให้กับเกษตรกร สำหรับการตรวจสอบสตอกตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยของผู้ประกอบการค้าข้าว พบว่ามีการเก็บสตอกในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 65 แล้วกว่า 2.3 ล้านตัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวทุกชนิดอยู่ในระดับที่ดีในขณะนี้
ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวสารมีความต้องการสินค้าเพื่อจัดส่งให้ทันตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยสถานการณ์การส่งออกข้าวในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ส่งออกได้ประมาณ 6.9 ล้านตัน เมื่อรวมกับใบขออนุญาตส่งออกอีกประมาณ 8 แสนกว่าตัน ทำให้ปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกได้ใกล้เคียง 7.7 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน และในส่วนของความต้องการใช้ภายในประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้กรมการค้าภายในติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น หากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใดไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 ทันที.-สำนักข่าวไทย