กรุงเทพฯ 4 ม.ค.- สกนช. เผย สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 65 ติดลบ 1.3 แสนล้านบาท พร้อมกู้เงิน 30,000 ล้านเสริมสภาพคล่องกองทุนฯสำเร็จ เผย ล่าสุด ราคาน้ำมันโลกเริ่มลดลง ทำสภาพคล่องกองทุนฯเริ่มดีขึ้น
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)แถลงผลการดำเนินงานจากการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2565 และทิศทางปี 2566 โดยระบุว่า จากภาพรวมสถานการณราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ปี2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 135.54 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 74.26 % ซึ่งจากการที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยทยอยขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) จากที่ตรึงไว้ 318 บาท/ ถัง 15 กก. มาอยู่ที่ 408 บาท/ถัง และตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทลิตร ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 มีสถานะติดลบ กว่า 130,000 ล้านบาท
แต่หลังคณะรัฐมนตรีได้ออก พ.ร.ก.ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสกนช. กรอบวงเงิน150,000 ล้านบาท มีผลบังคับใช้ สกนช.ได้ดำเนินการกู้กับธนาคารกรุงไทยและธนาคารเงินรอบแรก 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบลดลง ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 ติดลบที่ 121,491 ล้านบาท
ขณะที่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม 2565 ราคาน้ำมันโลกเริ่มอ่อนตัว ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เก็บเงินเข้ากองทุนฯได้เพิ่มประมาณ 8,000 ล้านบาท ทำให้กองทุนเริ่มมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จะมีการเสนอ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงคลังขอกู้อีกประมาณ 30,000 เพื่อทยอยคืนเงิน โดยเป็นกู้ตามกรอบวงเงินที่ยังสามารถกู้ได้เพิ่มอีก 1.2 แสนล้านบาท
พร้อมยืนยันว่า หากสสถานการณ์ราคาน้ำมัน ไม่มีความผันผวนมากกว่าที่เคยเป็น จะสามารถดำเนินการชำระหนี้คืนตามที่เคยเสนอเข้าครม.ที่ต้องจ่ายคืนภายใน 7 ปี แต่ยืนยันว่าจะจ่ายให้เร็วที่สุด เพื่อเสียดอกให้น้อยที่สุด ทุกเดือนมีการจ่ายคืนแล้วแต่วงเงิน
นอกจากนี้ ในปี 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังขยายระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสวนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก 2 ปี จนถึงวันที่ 24 กันยายน 2567
สำหรับในปี 2566 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยืนยันจะบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสม ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความความผันผวน จากการสู้รบในรัสเซีย-ยูเครน และด้านเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย