กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – ภาคเอกชน สรุปผลเวที APEC 2022 – APEC CEO Summit 2022 เห็นพ้องนำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน สมดุล และครอบคลุม เป็นโอกาสเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว คาดใน 3-5 ปี เกิดประโยชน์ 5-6 แสนล้านบาท
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวสรุปภาพรวมการจัดงาน ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 หรือ APEC 2022 ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ผู้แทนจาก 21 เขตเศรษฐกิจ เห็นพ้องกับการนำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน สมดุล และครอบคลุมพร้อมรับมือความท้าทายในอนาคตโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 3 ข้อตามที่ไทยตั้งเป้าได้แก่
1.การผลักดันให้เอเปคทบทวนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิกในบริบทหลังโควิด-19 โดยมีแผนงานการขับเคลื่อนการหารือที่ต่อเนื่องระหว่างปี ค.ศ.2023-2026 เพื่อให้เอเปคสามารถเดินหน้าได้อย่างชัดเจน
2.การฟื้นฟูการเดินทางข้ามพรมแดนที่สะดวกปลอดภัย โดยคณะทำงานเฉพาะกิจที่ไทยเป็นประธานได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อให้เอเปคมีกลไกและแนวทางการรับมือกับความท้าทายในอนาคต และ
3.การรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” ซึ่งเป็นเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนฉบับแรกของเอเปค โดยเน้นเป้าหมายหลัก 4 ข้อ ได้แก่ การจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรยั่งยืน และการลดและจัดการของเสียอย่างยั่งยืน โดยได้เปิดตัวเว็บไซต์www.bangkokgoals.apec.org รวบรวมแนวปฏิบัติที่และข้อริเริ่มของสมาชิกเอเปคเป็นฐานข้อมูลสำหรับผู้สนใจ
ขณะที่ เวที APEC CEO Summit 2022 ซึ่งเป็นเวทีคู่ขนาน ได้บทสรุปสอดคล้องกับที่ประชุม APEC 2022 โดยผู้นำภาครัฐและภาคธุรกิจที่เข้าร่วม ต่างเห็นพ้องกันว่าสมาชิกเอเปคจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ใน 3 ประเด้นหลัก คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) การเติบโตอย่างครอบคลุม (Inclusive Growth) และความเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาค (Regional Partnership) รวมถึงแก้ปัญหาความถดถอยทางเศรษฐกิจปี 2023-2024 (Economic Recession) โดยเน้นสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งทั้งในและนอกภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าภาพของไทยในการประชุมครั้งนี้ จะส่งผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้ารวม 5-6 แสนล้านบาท โดยในระยะสั้น ภายใน 3-6 เดือน สร้างภาพลักษณ์และ Soft Power ซึ่งเป็นการส่งสริมการท่องเที่ยวของไทย จะช่วยให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1-2 แสนคน สร้างรายได้ให้ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งในอุดสาหกรรมท่องเที่ยวและธุกิจต่อเนื่องประมาณ 10,000 ล้านบาท สร้างความเข้าใจที่มากขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ที่มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรม BCG พลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้าเศรษฐกิจดิจิทัล และอุตสาหกรมบริการ เช่น ท่องเที่ยว ธุรกิจบริการสุขภาพ เป็นตัน ส่วนประโยชน์ระยะยาว คาดว่าจะสร้างการลงทุน FDI มูลค่าประมาณ 6 แสนล้านบาท ภายใน 3-5 ปี จากการค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างไทยกับนานาประเทศ โดยเฉพาะ จีน และ ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council-GCC) 6 ประเทศ
ขณะที่การเสวนาในหัวข้อ “มุมมองในอนาคตของคณะกรรมการรว่มภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.):การต่อยอดและภาคเอกชนจะเดินหน้าอย่างไร” โดยมี นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน และประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอตุสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสภาที่ปนึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 (APEC Business Advisory Council-ABAC), นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และ ดร.พจน์ อร่าม วัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และ ประธานจัดงาน APEC CEO SUMMIT เข้าร่วม ซึ่งต่างเห็นพ้องว่า การจัดงาน APEC ในครั้งนี้สร้างโอกาสและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ถือเป็นโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
และเป็นโอกาสสำคัญกับหลาย ๆ Sector อาทิ ภาคการค้าและการลงทุน จะเกิดการจ้างงาน เกิดการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ให้กับคนไทย รวมถึงการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีขั้นสูง ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยเฉพาใน พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษถาคตะวันออก (EEC) ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน เชื่อว่าในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้เป็นเท่าตัว และจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มเติมอีกในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ภาคท่องเที่ยวและบริการของไทยฟื้นตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องว่า แนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน กับทุกภาคส่วน ไม่วาจะเป็นด้านเกษตร ท่องเที่ยว สินค้าออแกนิกส์ หรือสิ่งแวดล้ม ซึ่งเชื่อว่าคนไทยจะได้ประโยชน์ ขณะนี้ทั้งโลกพูดถึง ESG ถือเป็นกรอบ แต่ BCG เป็นสิ่งที่ทำได้จริง และจะเห็นในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต.-สำนักข่าวไทย