กรุงเทพฯ 9 พ.ย.- GC ไตรมาส 3265 ขาดทุน 13,384 ล้านบาท ผลพวงความผันผวน -ขาดทุนสตอกน้ำมัน-ตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง คาดปีหน้ายังท้าท้าย เตรียมรับมือ
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC แจ้งว่า ผลดำเนินการไตรมาส 3/65 ขาดทุน 13,384.17 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนกำไรสุทธิ7,005.21 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนปีนี้ ขาดทุน 7,784.24 ล้านบาท จากที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 41,734.81 ล้านบาท
โดยไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 181,536 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 8% จากไตรมาส 2 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 62 %จากไตรมาส 3 ปี 64 เป็นไปตามราคาน้ำมันตลาดโลกและราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลก กระทบต่ออุปสงค์ที่อ่อนตัวลงและราคาขายของผลิตภัณฑ์ที่ลดลงทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และได้รับผลกระทบจากจีนที่ยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสตอกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 8,108 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 2,111 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังคงมีความท้าทายจากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการยืดเยื้อของสถานการณ์ความ ขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครน การแพร่ระบาดของโควิด-19 จี ยังคงมาตรการ Zero Covid IMFได้ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP โลกในปี 2566 ลงเหลือร้อย ละ 2.7 (ณ เดือนตุลาคม 2565) ทั้งนี้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่น่าจะยัง สามารถเติบโตได้แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากปัญหาดังกล่าว บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าอยู่ที่เฉลี่ย 85-90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่นคาดว่าราคาและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ในปี หน้ามีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากในปีนี้ คาดส่วนต่างดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่22-24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาแก๊ซโซลีนอยู่ที่12-15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการ บริหารจัดการรูปแบบการผลิต และสัญญาขายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามสถานการณ์ตลาด อย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการการจัดหาให้มีความเหมาะสม โดยบริษัทฯ คาดการณ์อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในปี2566 อยู่ที่ร้อยละ101% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงอะโรเมติกส์
บริษัทฯ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในปี หน้าจะทรงตัวอยู่ที่ 300-310เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันโดยยังคงมีอุปทานจากผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาในตลาด แต่คาดการณ์อุปสงค์ จากภาคอุตสาหกรรมปลายน้ำเส้นใยและสิ่งทอ (Fiber Filament) กรดเทเรฟทาริคบริสทุ ธิ์(PTA) โดยเฉพาะขวดบรรจุภัณฑ์ (PET Bottle Resin) ยังคงได้รับการสนับสนุนจากการทะยอยเปิดประเทศทั่วโลก ส่วนต่างของราคาเบนซีนและแนฟทา คาดจะอยู่ที่ประมาณ 240-255เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงอะโรเมติกส์ในปี2566อยู่ที่ร้อยละ 91เนื่องจากมีการหยุดซ่อม
บำรุงตามแผนของ โรงอะโรเมติกส์ในช่วงไตรมาส 3/2566 ในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงโอเลฟิ นส์บริษัทฯ คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนจะอยู่ที่ 1,070-1,090 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ราคาผลิตภัณฑ์โพรพิลีนจะอยู่ที่1,030-1,050เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน.-สำนักข่าวไทย