ธ.ออมสินประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตร้อยละ 3.5

ธนาคารออมสิน 21 เม.ย.-ธนาคารออมสินประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2560
ขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 โดยมีปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ
นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แต่ให้ระวังหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐ


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานรากธนาคารออมสิน คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี
2560 ว่า จะขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ
3.5  ปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุน ประกอบด้วย
การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดี
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐที่ยังขยายตัวจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมซึ่งเป็นกำลังหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือลดกำลังการผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก
ประกอบกับภาคการส่งออกเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ได้แก่
สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมีผลทำให้อำนาจซื้อลดลง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินและการค้าระหว่างประเทศจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ
การดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของประเทศคู่ค้า จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ
(
FED) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (
QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไป
รวมทั้งผลกระทบจากกระบวนการ
Hard Brexit ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนทั้งในและจากต่างประเทศ
(
FDI) ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง


ส่วนเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ของปี 2560
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ
3.1 โดยปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย
การบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องทั้งจากครัวเรือนในภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร
การใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐที่จะเริ่มกลับมาใช้จ่ายอีกครั้งหลังจากชะลอการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
2559 โดยจะมีเม็ดเงินจากแผนปฏิบัติการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งที่เริ่มทยอยเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ด้านข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่
1 ประกอบด้วยความเสี่ยงจากการใช้นโยบายการเงินของประเทศคู่ค้าที่แตกต่างกัน
ประกอบกับมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
FED อีก 25 basis points (อยู่ที่ร้อยละ 0.75-1.00) จากการประชุม FOMC ในวันที่ 14-15 มีนาคม 25 60 และมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มได้อีก 50 bps. ในช่วงที่เหลือของปี
ส่งผลให้ตลาดการเงินเกิดความผันผวนจากแรงเทขายในตลาดพันธบัตรและตลาดทุนไปยังตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน

เติมน้ำมันไม่จ่าย

แท็กซี่เติมน้ำมันไม่จ่าย ซิ่งหนีพุ่งชนรถ 5 คันรวด

ตำรวจชัยภูมิ ไล่ล่าแท็กซี่เติมน้ำมัน แล้วซิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน แถมยังขับพุ่งชนรถตำรวจ รถเก๋งและรถ 6 ล้อ รวม 5 คันรวด

ขับรถชนคน

คนร้ายขับรถชนกลุ่มคนในตลาดคริสต์มาสเยอรมนี ดับ 2 ราย

คนร้ายขับรถยนต์พุ่งเข้าชนกลุ่มคนจำนวนมากที่จับจ่ายซื้อของและเที่ยวชมตลาดคริสต์มาสในเยอรมนีในช่วงเย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น