กรุงเทพฯ 25 ก.ย.- สัญญาณเศรษฐกิจฟื้น ยอดเก็บภาษีเกินเป้า การยกเลิก พ.ร.ก ฉุกเฉิน ผลบวกเศรษฐกิจไทย คาดเงินบาทติดเพดาน 39 บาท/ดอลลาร์
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยชัดเจนมากขึ้น นอกจากภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้นแล้ว การขยายตัวของการบริโภคเพิ่มขึ้น สะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเกินเป้าหมาย ยอดรวม 11 เดือน มากกว่า 1.17 แสนล้านบาท สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรเก็บ ยอดมากกว่าเป้าหมายกว่า 2.38 แสนล้านบาท การฟื้นตัวยังมีลักษณะเป็นรูปตัว K ทำให้เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้มีอานิสงส์ต่อกิจการหรือคนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ยิ่งมีรายได้ระดับสูง กิจการและบุคคลยิ่งมีการฟื้นตัวดี ยิ่งรายได้ต่ำยิ่งฟื้นตัวช้า สภาวะดังกล่าวทำให้ปัญหาการกระจายรายได้แก้ยากขึ้นอีก
ในวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้น กลุ่มครัวเรือนรายได้สูงเพิ่มขึ้นตามภาวการณ์ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลุ่มรายได้ปานกลางกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย และกลุ่มรายได้น้อยบางส่วนกลับมีรายได้แท้จริงลดลงจากเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยแพง และการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำก็ต่ำกว่าเงินเฟ้ออีก ปัญหาหนี้ครัวเรือนและปัญหาสัดส่วนหนี้ต่อทุนสูงของภาคธุรกิจบางส่วนจะได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นไปอีกจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าปลายปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจร้อยละ 1.25 ปีนี้ เพราะอาจปรับขึ้นไปได้อีกร้อยละ 0.75-1.25 ทำให้ดอกเบี้ยขยับไปอยู่ร้อยละ 2-2.5 ได้ในปี 2566
คาดว่าจีดีพีไทย อาจมากกว่าร้อยละ 3 สูงกว่าเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะสูงกว่าร้อยละ 6 แม้ว่ายอดการเก็บภาษีได้มากกว่าเป้าหมาย ควรใช้เม็ดเงินงบประมาณอย่างระมัดระวัง ควรตัดงบลับ งบกลาง ที่ไม่มีการตรวจสอบและควบคุมการใช้จ่ายเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อวิกฤติฐานะการคลังในอนาคต
รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า ทำให้นำเข้าพลังงานราคาแพงขึ้นอีก คาดว่า อ่อนค่าไม่เกิน 39 บาทต่อดอลลาร์ เพราะเป็นระดับอ่อนค่าสุดที่จะทำให้กลไกของดุลการชำระเงินระหว่างประเทศปรับตัวให้เงินบาทเกิดจุดวกกลับแข็งค่าขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อาจพุ่งถึงร้อยละ 60 การประเมินนี้อยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่า ไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่ยาวนานในพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น จีดีพีขึ้นไปแตะ 16.9-17 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่า 9 ล้านล้านบาท เมื่อเก็บภาษีได้มากขึ้น รัฐบาลลดการก่อหนี้และตัดลดงบลับและงบกลางลงมาอีก 20-30% สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะกลับไปอยู่ภายใต้กรอบก่อนที่มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะ .-สำนักข่าวไทย