ธปท. ประกาศทิศทางพัฒนาระบบการชำระเงิน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ประกาศทิศทางพัฒนาระบบการชำระเงิน  กำหนด 3 กลยุทธ์ “เปิดกว้างใช้ประโยชน์-บริการชำระเงินดิจิทัล-กำกับดูแลยืดหยุ่นเท่าทัน” ให้ระบบการชำระเงินไทยพร้อมรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล อย่างมีประสิทธิภาพ


นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. จัดทำ “ทิศทางการพัฒนาระบบการชำระเงินภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย” เพื่อกำหนดแผนกลยุทธ์การพัฒนาระบบชำระเงินในระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2565 – 2567) เพื่อให้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคการเงินไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน   โดยจะดำเนินการภายใต้ 3 หลักการ คือ การเปิดกว้างให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกัน (Openness) การเข้าถึงและเข้าใจการใช้บริการชำระเงินดิจิทัล (Inclusivity) และการกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นและเท่าทัน (Resiliency) ภายใต้เป้าหมายที่มุ่งให้ “การชำระเงินดิจิทัลเป็นทางเลือกหลักของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมศักยภาพและการแข่งขัน และให้ไทยพร้อมก้าวสู่สังคมที่ใช้เงินสดน้อยลง” ซึ่งแผนกลยุทธ์ที่สำคัญ มีดังนี้

1. การเปิดกว้างให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกัน (Openness) จะเน้นการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและข้อมูลด้านการชำระเงินร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งเสริมการแข่งขันและการพัฒนานวัตกรรม รวมถึงการเพิ่มบทบาทด้านการชำระเงินของไทยในเวทีสากล โดยแผนงานสำคัญ ได้แก่ 1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งข้อมูลทางการค้าและการชำระเงินดิจิทัลของภาคธุรกิจอย่างครบวงจร (ระบบ PromptBiz) 2) การยกระดับการนำมาตรฐานสากลและมาตรฐานกลางมาใช้ในระบบการชำระเงิน เช่น มาตรฐาน ISO20022 มาตรฐานการเชื่อมโยงระหว่างระบบและผู้ให้บริการ (Application Programming Interface: API) เป็นต้น 3) การมีโครงสร้างด้านธรรมาภิบาลของระบบการชำระเงินที่เหมาะสม เพื่อรองรับพัฒนาการด้านการชำระเงินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 4) การพัฒนาฐานข้อมูลการชำระเงินภายใต้โครงการ Regulatory Data Transformation (RDT) และการบูรณาการข้อมูลชำระเงินร่วมกับภาครัฐเพื่อเพิ่มประโยชน์ในการใช้ข้อมูลในวงกว้าง และ 5) การมีหลักเกณฑ์ที่เอื้อให้เกิดการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่สำคัญ


2. การเข้าถึงและเข้าใจการใช้บริการชำระเงินดิจิทัล (Inclusivity) โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการชำระเงินดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงในวงกว้าง เพื่อผลักดันให้การชำระเงินดิจิทัลเป็นทางเลือกหลักของคนไทย โดยจะดำเนินการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ให้บริการชำระเงินที่สำคัญ ในการขยายการชำระเงินดิจิทัลให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ อาทิ การชำระเงินดิจิทัลในการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ การต่อยอดบริการชำระเงินดิจิทัลกับแอปพลิเคชันภาครัฐที่ครอบคลุมการใช้งานในวงกว้าง รวมทั้งการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจการใช้บริการชำระเงินดิจิทัลอย่างถูกต้องและปลอดภัยให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

3. การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นและเท่าทัน (Resiliency) โดยมุ่งเน้นความมีประสิทธิผลและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบในวงกว้าง แผนงานสำคัญ ได้แก่ 1) การทบทวนหรือปรับปรุงกรอบหลักเกณฑ์การกํากับดูแลตามแนวทาง Regulatory Impact Assessment (RIA) ให้ยืดหยุ่นและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการชำระเงิน 2) การออกหลักเกณฑ์ด้านการชำระเงินเพื่อรองรับเทคโนโลยีและความเสี่ยงใหม่ เช่น การกำกับดูแลนวัตกรรมการชำระเงินต่าง ๆ 3) การปรับแนวทางและเครื่องมือการกำกับดูแลให้เท่าทันสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงใหม่ ๆ  เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาเครื่องมือกำกับตรวจสอบ (supervisory technology) 4) การพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ให้บริการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างองค์ความรู้และร่วมกันแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และ 5) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

ภายใต้แผนกลยุทธ์นี้  ธปท. จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้ระบบการชำระเงินไทยพร้อมรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของภาคการเงิน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาบริการชำระเงินดิจิทัลของผู้ให้บริการ เพื่อให้เกิดทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้ใช้บริการ บนพื้นฐานความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอและการตระหนักถึงความเสี่ยง โดยดูแลให้เกิดการเรียนรู้ ปรับตัว และพร้อมใช้การชำระเงินดิจิทัล อีกทั้งสนับสนุนให้การทำธุรกิจปรับเปลี่ยนเป็นแบบดิจิทัลอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และพร้อมก้าวสู่สังคมที่ใช้เงินสดน้อยลง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

Exclusive! เปิดห้องขังแดน 5 “อดีต ผกก.โจ้”

กรมราชทัณฑ์ เปิดห้องขัง แดน 5 ของ “อดีต ผกก.โจ้” ให้สังคมได้เห็นสภาพความเป็นจริงอีกด้าน พบด้านในยังรักษาพื้นที่ และข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ เอาไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1446 ขณะที่นายกรัฐมนตรี ร่วมส่งใจให้พี่น้องชาวมุสลิมตั้งจิตมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอด ในช่วงเวลาแห่งเดือนอันศักดิ์สิทธิ์

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท