กรุงเทพฯ 31ส.ค.- บางจากฯ เสนอรัฐปรับสัดส่วนผสมดีเซลเป็นบี 7-10หลังราคาไบโอดีเซ,บี 100 ต่ำกว่า ดีเซล พร้อมสนับสนุนคลังลดภาษีดีเซลต่อเนื่อง เตือนทุกฝ่ายร่วมประหยัดพลังงาน ย้ำพรุ่งนี้ค่าไฟฟ้า -ก๊าซหุงต้มปรับราคาทำนิวไฮ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ กล่าวว่านโยบายภาครัฐในการลดค่าครองชีพด้วยการลดภาษีดีเซลต่อเนื่องรวมทั้งการขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันดูแลค่าการตลาดดีเซลที่1.40บาท/ลิตรนับเป็นนโยบายลดค่าครองชีพ ช่วยเหลือประชาชน โดยในส่วนของบางจากฯ พร้อมให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงหน้าหน้านี้นับจาก พ.ย.เป็นต้นไป ผู้เชี่ยวชาญต่างวิเคราะห์ว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก จากราคาปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากทั้งฤดูกาล และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิด-19 ดีมานด์น้ำมันจึงเพิ่มขึ้นและกระทบมายังราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก
ดังนั้น ประชาชนก็ต้องวางแผนรับมือ ร่วมกันประหยัดพลังงานให้มากที่สุดเพื่อลดผลกระทบ ในขณะที่ราคาน้ำมันชีวภาพ ขณะนี้ บี 100,เอทานอล ต่ำกว่า ดีเซล และน้ำมันเบนซิน รัฐบาลจึงน่าจะใช้ช่วงเวลาเช่นนี้ เพิ่มการใช้น้ำมันชีวภาพให้สูงขึ้น จากดีเซลบี 5 เพิ่มเป็นบี 7 หรือบี 10 ซึ่งนอกจากจะลดการนำเข้าน้ำมันแล้วยัง ลดภาระเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อุดหนุนดีเซลอีกด้วย
“ในส่วนยอดขายน้ำมันของประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดเมือง เศรษฐกิจฟื้นตัว ในส่วนของบางจากฯ คาดว่ากำลังกลั่นจะสูงถึง ร้อยละ 124 จากกำลั่งกลั่น 1.2 แสนบาร์เรล/วัน ในขณะที่ยอดขายน้ำมันหน้าปั๊มสูงถึง1.40 บาร์เรล/วัน ทำให้ต้องซื้อจากโรงกลั่นอื่นๆและมีแผนนำเข้าเพิ่มเติม และยังมียอดขายน้ำมันเครื่องบินดีขึ้นซึ่งส่งผลดี ต่อผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม ก็อยากเห็นประชาชนร่วมประหยัดพลังงานต่อเนื่อง เพื่อร่วมมือลดผลกระทบของประเทศ” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือรายละเอียดกับกระทรวงพลังงาน เรื่องการขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่ออีก 2-3 เดือน เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในปัจจุบันยังมีความผันผวน ซึ่งการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ย. 65 โดยจากที่ภาครัฐดูแลค่าครองชีพ ประกอบกับนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีแรกปีนี้ที่โตร้อยละ 2.4 และคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทย ราว 8-10 ล้านคน ขณะที่ภาคการส่งออกก็ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. – ก.ค. 65) มูลค่าการส่งออกขยายตัว ร้อยละ11 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการจ้างงานกลับมาดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ขยายตัวได้ ร้อยละร้อยละ 3-3.5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ ( 1 ก.ย.) ค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้มของไทยจะขยับขึ้นเป็นอัตราสูงสุดหรือนิวไฮ โดยก๊าซหุงต้มขึ้นอีก 1 บาท/กก.ไปอยู่ที่ 408 บาท/ถัง 15 กก. โดย ตลอด 6 เดือน (เม.ย.-ก.ย.65 ) ขึ้นรวม 6 บาท/กก. หรือ 90 บาท/ถัง 15 กก. ส่วนค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที) งวด 4 เดือนนี้(ก.ย.-ธ.ค.65) ขึ้นอีก 68.66 สตางค์ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาท/ หน่วย ในขณะที่รัฐบาล ยืนยันชัดเจน จะมีวงเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน รวม 8 พันล้านบาท โดยเรื่องนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยไปทำรายละเอียดและเสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่าวันที่ 31 ส.ค.65 กองทุนน้ำมันยังคงชดเชยก๊าซหุงต้ม( LPG )เฉลี่ยที่ 7.69 บาทต่อ กก. เหตุเพราะต้นทุนสูงกว่าราคาจำหน่าย แต่การอุดหนุนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับจากการที่รัฐได้ทยอยขึ้นราคาให้สะท้อนต้นทุน ภาพรวมฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิยังคงติดลบ 119,764 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 78,301 ล้านบาทและบัญชีก๊าซแอลพีจี ติดลบ 41,463 ล้านบาท ส่วนจะมีการปรับขึ้นราคาแอลพีจี ต่ออีกหรือไม่คงจะต้องขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะตัดสินใจ. -สำนักข่าวไทย