กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – สภานายจ้างฯ ระบุขึ้นค่าแรงร้อยละ 5-8 สูงเกินไป รอลุ้นไตรภาคี 26 ส.ค.นี้ แนะผู้ประกอบการ-แรงงานปรับตัว
นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นายจ้างเข้าใจความจำเป็นในการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ใช่ห้ามขึ้นค่าแรง หากปรับขึ้นในอัตราที่เหมาะสมประมาณร้อยละ 3-5% ถือว่ามีความเป็นไปได้ ในทางกลับกัน หากปรับขึ้นเยอะเกินไป นายจ้างอาจรับภาระไม่ไหว อาจเกิดปัญหาวนกลับมาสู่การเลิกจ้าง ต้องปิดกิจการ ทำให้ลูกจ้างเดือดร้อน
สำหรับข้อเสนอของบางกลุ่มต้องการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นร้อยละ 5-8 ถือว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเงินเฟ้อยังสูง ต้องดูตามความเหมาะสมแต่ละจังหวัด ปัจจุบันนายจ้างมีปัญหาอยู่พอสมควร และหากดูการจ้างงานหลายอาชีพ ค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว จึงต้องปรับเพิ่มบ้าง แต่ไม่สูงเกินไป จึงต้องรอลุ้นการหารือคณะกรรมการไตรภาคี วันที่ 26 ส.ค.นี้ จะหารือสรุปข้อตกลงอย่างไร
นายเอกสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับขึ้นโดยแบ่งเป็นโซน เช่น อีอีซี กรุงเทพฯ ภูเก็ต แล้วขยับโซนตามระดับการพัฒนา นับว่าการกำหนดโซนเป็นเรื่องถูกต้อง จากนั้นดูค่าครองชีพ ดูภาพรวมเศรษฐกิจประกอบกัน แล้วใช้ตามการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีแต่ละจังหวัด การปรับเพิ่มค่าแรง ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบเหมือนกัน โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ดังนั้น จึงเห็นว่า เวลาที่เหมาะควรปรับขึ้นในต้นปีหน้า สอดคล้องกับเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อลดลงบ้าง. – สำนักข่าวไทย