ผู้เชี่ยวชาญชี้การฟ้องร้องของทรัมป์ไม่น่ากระทบผลเลือกตั้ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสหรัฐระบุว่า การฟ้องร้องของทีมหาเสียงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสหรัฐระบุว่า การฟ้องร้องของทีมหาเสียงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
กรุงเทพฯ 6 พ.ย. ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมชี้ ไบเดน มา เทควอร์ จะยังคงอยู่ เชื่อท่าทีต่อจีนอาจผ่อนปรนลง นายเจษฎา ศิวรักษ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม เพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นต่อโฉมหน้าของอุตสาหกรรมไฮเทคของประเทศมหาอำนาจ อิทธิพลที่จะส่งผลต่อประเทศไทยหากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นชัยชนะของพรรคเดโมแครตและส่งผลให้นายโจ ไบเดน มีความเป็นไปได้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ว่า เชื่อว่า Tech war หรือการแข่งขันทางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างประเทศมหาอำนาจอาจจะยังคงมีอยู่ แต่การมาของไบเดนน่าจะมีความประนีประนอมกับประเทศจีนมากขึ้น เพราะบริษัทไฮเทคของสหรัฐจำนวนมากอยากขายของให้จีนอยู่ รวมถึงความต้องการมีส่วนแบ่งตลาดที่ยังมีความสำคัญ เช่น Apple ก็ยังต้องการให้มีส่วนแบ่งตลาดในจีนรวมทั้งบริษัทที่ขายชิพ เช่น อินเทล และเอเอ็มดี ในส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยเฉพาะกับเทคโนโลยี 5G น่าจะมีความร่วมมือกับสหภาพยุโรปมากขึ้น แต่ในอาเซียนจะมีบางประเทศได้ประโยชน์ ไบเดนคงพยายามสนับสนุน ประเทศ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมทั้งออสเตรเลีย ขณะที่อาจมีการสกัดกั้นหัวเว่ยผ่านประเทศที่มีการเลือกพัฒนา 5G core ด้วยเทคโนโลยีจากจีน ในส่วนประเทศไทยขึ้นอยู่กับสหรัฐว่าจะตีความให้ไทยเป็นประเทศภายใต้การครอบงำของจีน หรือไม่ ถ้าถูกมองเช่นนั้นเราอาจไม่ได้ประโยชน์จากการสนับสนุนของอเมริกา ก่อนหน้านี้เคยประเด็นที่เกิดขึ้นกับเวียดนามที่มีการห้ามใช้าเทคโนโลยีหลัก หรือ5G core จากจีน และบางประเทศมีการแสดงท่าทีชัดเจนเช่น ออสเตรเลีย อินเดียที่มีนโยบายกีดกัน 5G จากหัวเว่ย ท่าทีที่เหมาะสมที่สุดของรัฐบาลไทยคือการวางตัวเป็นกลางจะเหมาะสมที่สุด เราเปิดรับเทคโนโลยีจากทุกด้าน เพราะรัฐบาลเชื่อในการแข่งขัน การเปิดให้มีการแข่งข้ไม่มีการกีดกัน จะทำให้เกิดนวัตกรรม และการสร้างสรรค์ หากมีการออกนโยบายกีดกัน จะทำให้การสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมหายไป ดังนั้นนโยบายเป็นกลางและสนับสนุนการแข่งขัน จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย อย่างไรก็ดีรัฐบาลควรมต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการปกป้องเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Safeguard Agreement) การปกป้องเทคโนโลยีของประเทศต้นทาง จะได้รับการคุ้มครองไม่ให้รั่วไหลไปยังประเทศปลายทางที่ทางต้นทางไม่ต้องการได้-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 5 พ.ย. เอไอเอส เผยไตรมาส 3 รายได้รวม 41,715 ล้านบาท เตรียมทุ่ม 3.5 หมื่นล้านบาท ลงทุนขยายเครือข่าย 5G นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่าการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจไทยในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เอไอเอสเห็นทิศทางในการปรับตัวสู้กับภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าในหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรในทุกระดับ คือการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับเอไอเอส มองว่า เทคโนโลยี 5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่สำคัญต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและเป็นฟันเฟืองที่จำเป็นต่อการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ในไตรมาส 3 เอไอเอส มีรายได้รวม 41,715 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอส มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในตลาดที่ 40.9 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 9.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ จำนวน 235,000 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย ลดลง313,000 ราย โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ COVID-19ที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี และส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจต่อเนื่องมายังไตรมาส 3 ส่วนการใช้งานดาต้าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 1.3 และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 76ของฐานลูกค้าทั้งหมด ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 53,000 ราย ส่งผลให้มีลูกค้ารวม 1.26 ล้านราย และมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,785 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารวมไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้ ด้านธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรเติบโตสูงต่อเนื่องจากความต้องการใช้บริการCloud, Data Center และ IT Solutionที่เพิ่มขึ้นด้วยความต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และเดินหน้าสร้างโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรด้วยขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยลบทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคธุรกิจไทยในภาพรวม ทั้งกำลังซื้อที่อ่อนตัว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรสำหรับการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้เอไอเอส มีกำไรสุทธิ 6,764 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.5 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยหากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลกำไรสุทธิทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เอไอเอสยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีการกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอต่อการลงทุนขยายโครงข่าย ทั้งบริการ 5G และ 4G รวมทั้งค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ ซึ่งบริษัทยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกรวม 65,000 ล้านบาท และคงงบลงทุนทั้งปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 35,000 ล้านบาท การลงทุนเครือข่าย โดยเฉพาะ 5G ในปีนี้ เอไอเอส เชื่อว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย ที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้ ขณะที่การใช้บริการในระดับแพร่หลายอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากการนำไปใช้งานจริง นอกจากคุณภาพของเครือข่ายแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีก 2 อย่าง คือการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับการใช้งานในราคาที่เหมาะสม รวมทั้ง การสร้างแอปพลิเคชันเฉพาะด้านที่จะเกิดประโยชน์กับกลุ่มผู้ใช้งานที่ชัดเจน -สำนักข่าวไทย.
มาอีกแล้ว เตรียมตัวรับมือกันให้ดีประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 เรื่องพายุโซนร้อน “โคนี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
กรุงเทพฯ 5 พ.ย. ทวิตเตอร์เผยช้อปปิ้งออนไลน์โตแรงยุคโควิด-19 ชาวทวิตภพมากกว่า 4ใน 5 คนนิยมซื้อของออนไลน์ นายอาร์วินเดอร์ กุจรัล กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวิตเตอร์ กล่าวว่า ข้อมูลจาก สตาติสต้าบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด พบว่า ในปี 2562 มีการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 3.53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ข้อมูลจาก MediaRadar บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและโฆษณา พบว่ามีการใช้จ่ายค่าโฆษณาเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจากเดิม 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซ (eCommerce) และ เอ็มคอมเมิร์ซ (mCommerce) ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกันราว 3.98 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่งในประเทศไทยต้องปิดตามมาตรการของรัฐที่ขอให้ทุกคนอยู่บ้าน #StayAtHome กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งออนไลน์ การดิสรัปต์ที่สำคัญครั้งนี้ส่งผลไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนในการเลือกซื้อสินค้าทำให้อีคอมเมิร์ซในประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลเนื่องจาก การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันไปแล้ว แบรนด์ต่างๆ จึงหันมาลงทุนศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคเลือกสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอย่างไร อะไรคือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ และการซื้อของออนไลน์มีลำดับขั้นตอนอย่างไร เป็นต้น “ไม่แปลกใจเลยว่าบทสนทนาที่พูดคุยเกี่ยวกับการช้อปปิ้งบนทวิตเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพิ่มมากขึ้น และเราจะเห็นช่วงพีคที่สุดในช่วงใกล้ๆ วันแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งก่อนและหลังวันที่มีการจัดโปรโมชั่น ทั้งนี้ การช้อปปิ้งยังเป็นหัวข้อการสนทนาที่มีการพูดคุยได้ตลอดทั้งปีบนทวิตเตอร์ ยิ่งผู้บริโภคหันมาใช้อีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซมากขึ้นจะพบว่าเทรนด์การสนทนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับการช้อปปิ้งออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องแบรนด์ต่างๆ ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีในการทำการตลาด โดยเฉพาะจะต้องมีความเข้าใจว่าทำไมผู้บริโภคจึงเลือกซื้อของทางออนไลน์และสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อดังกล่าว เราพบว่าแบรนด์ในประเทศไทยต่างหันมาใช้ทวิตเตอร์ในการคอนเน็คกับกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มผู้ใช้งานทวิตเตอร์ประเทศไทย” วันแห่งการช้อปปิ้งกลายเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดทั้งแบรนด์และผู้บริโภค ทวิตเตอร์นับเป็นแพลตฟอร์มที่แบรนด์เลือกใช้สร้างคอนเน็คกับนักช้อปออนไลน์ จากการวิจัยล่าสุดพบว่าผู้ใช้งานทวิตเตอร์ประเทศไทยมากกว่า 4 ใน 5 คน มีการซื้อของออนไลน์ ทั้งนี้แบรนด์สามารถทำความเข้าใจเทรนด์ของผู้บริโภคได้ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น ทวิตเตอร์ขอแนะนำ 3 พฤติกรรมหลักในการช้อปปิ้งเพื่อช่วยให้เข้าใจเทรนด์การช้อปออนไลน์ของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ผู้บริโภคเลือกซื้ออะไรกันบ้าง 5 ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในประเทศไทยนิยมสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์เมื่อเดือนที่ผ่านมาอันดับหนึ่ง แชมพู ร้อยละ84.7 รอลงมาคือ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ร้อยละ 75.6น้ำยาซักผ้า / ผงซักฟอก ร้อยละ 74.2 ครีมนวดผมร้อยละ 66.9 และเสื้อผ้า ร้อยละ66.7 ปัจจัยหลักในการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคตัดสินใจซื้อของทางออนไลน์ มาจาก 4 เหตุผลหลักคือ การจัดส่งฟรี ส่วนลดต่างๆ การจ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้า และเสียงสนับสนุนและการพูดถึงของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคสนใจในเรื่องอะไรเป็นพิเศษผู้หญิงคือกลุ่มที่นิยมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องช้อปปิ้งบนทวิตเตอร์มากที่สุดในประเทศไทยเพียงแค่รู้ว่าผู้บริโภคมีความสนใจทั่วไปในเรื่องอะไร ก็จะสามารถช่วยให้แบรนด์ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการทำโฆษณาได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ สาวๆ นักช้อปบนทวิตเตอร์มีความสนใจในเรื่องของดนตรี, อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, การทำอาหาร, ความงามและเครื่องสำอาง ในขณะที่หนุ่มนักช้อปมีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี, ดนตรี, การเล่นกีฬาและข่าวสาร การซื้อของออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การล็อกอินเพื่อเข้าไปซื้อแล้วล็อกออฟออกจากระบบเท่านั้น แต่ขั้นตอนในการช้อปปิ้งออนไลน์นั้นยาวนานกว่าที่คิด และมีความแตกต่างจากเดิมไปมาก การศึกษาหาข้อมูลและการวางแผนก่อนจ่ายเงินซื้อของถือเป็นส่วนที่สำคัญในขั้นตอนการซื้อของ โดยร้อยละ 94 ของนักช้อปออนไลน์บนทวิตเตอร์มักจะหาข้อมูลจากรายการสิ่งของที่อยากได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โปรโมชั่นของวันแห่งการช้อปปิ้งที่สร้างปรากฎการณ์ ไม่ว่าจะเป็น 7/7, 8/8, 9/9, 10/10, 11/11 และ 12/12 กลายเป็นช่วงเวลาของการสร้างมูลค่ามหาศาลสำหรับวงการค้าปลีกในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 4.57 พันล้านคนทั่วโลกและในประเทศไทยมีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตราวร้อยละ 75 จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมวันแห่งการช้อปปิ้งจึงเป็นการจัดโปรโมชั่นออนไลน์และกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในการทำอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทวิตเตอร์ถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคนิยมพูดคุยเกี่ยวกับการช้อปปิ้งในประเทศไทย-สำนักข่าวไทย.
กลับมาแล้ว! ด่านตรวจ เวอร์ชั่นใหม่
ไฉไลกว่าเดิมหลัง ผบ.ตร. สั่งยกเลิกทบทวนตั้งจุดตรวจทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 63ด่านตรวจหายไป 1 เดือนแต่ วันที่ 4 พ.ย.63
บช.น.โชว์แผนตั้ง “ด่านตรวจเมา” แบบใหม่เน้นโปร่งใส ตรวจสอบได้โดยมี สน.ทองหล่อ นำร่องทดลองตั้งด่านตามแผนใหม่แล้ว
ชาวบ้านที่บ้านเกิดบรรพบุรุษของนางคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐของพรรคเดโมแครตทาสีเป็นข้อความอวยพรบนท้องถนนให้เธอคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,810 ราย หายป่วยแล้ว 3,623 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย
กรุงเทพฯ 5 พ.ย.-พปชร.ยันหนุนตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ แจงความคิดเห็น ส.ส.บางคน ไม่ใช่แนวทางพรรค น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันว่า พรรคพร้อมสนับสนุนแนวทางการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อเดินหน้าฝ่าวิกฤติชาติ ด้วยกลไกรัฐสภา โดย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้ออกแบบโครงสร้างเสนอต่อรัฐสภา ส่วนความเห็นที่หลากหลายของ ส.ส.ของพรรคนั้น น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นมติ หรือแนวทางของพรรคแต่อย่างใด เพราะพรรคยึดหลักเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิก แต่แนวทางของพรรค ยืนยันเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ คือ มุ่งหวังให้เกิดความปรองดองและความสมานฉันท์ของคนทั้งชาติเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย
มอสโก 5 พ.ย. – นายเซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกของรัสเซียเผยวันนี้ว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในกรุงมอสโกกำลังแย่ลง และประกาศขยายเวลาให้โรงเรียนสอนทางไกลผ่านระบบออนไลน์ นายโซเบียนินแถลงผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่า นักเรียนเกรด 6 ขึ้นไปจะต้องเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์จากบ้านต่อไปอีก 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงมอสโกกำลังแย่ลงอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้น ทางการรัสเซียรายงานวันนี้ว่า มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 19,404 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในกรุงมอสโกสูงถึง 5,255 คน และมีผู้เสียชีวิต 292 คน ทางการระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เนื่องจากมาตรการที่ใช้อยู่นั้นเพียงพอแล้ว และสามารถรับมือกับการระบาดได้ดีกว่าในช่วงที่มีการระบาดในระยะแรก. – สำนักข่าวไทย
กกต.ตรวจเยี่ยมการรับสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสงคราม ย้ำผู้สมัครมีผู้ช่วยหาเสียงได้ และระวังความผิดตามมาตรา 34 เร่งลงทะเบียนหาเสียงออนไลน์
นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีทางโทรศัพท์ กับ ออง ซาน ซู จี โดยเมียนมาขอบคุณไทยที่ช่วยเหลือดูแลโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี พร้อมสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน