กสทช.กำชับโอเปอเรเตอร์คุมคุณภาพสัญญาณรับการทำงานที่บ้าน

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค. กสทช. กำชับโอเปอเรเตอร์ทุกรายดูแลคุณภาพสัญญาณให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชนจำนวนมาก รวมถึงรองรับมาตรการ Work from Home และให้เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 31 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. กำชับโอเปอเรเตอร์ทุกรายดูแลคุณภาพสัญญาณให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชนจำนวนมากพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับสิทธิ์ตามโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ในพื้นที่ที่ประชาชนจำนวนมากมาร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงให้รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นตามมาตรการการทำงานเหลื่อมเวลาและการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) และให้เตรียมทีมงานแก้ไขกรณีอุปกรณ์ หรือสัญญาณขัดข้องด้วย นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ วันที่ 31 ธ.ค. 2563 – 3 ม.ค. 2564 เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีสถิติการใช้โทรศัพท์กันมาก ประชาชนนิยมติดต่อสื่อสารและส่งข้อความอวยพรกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทุกคนในครอบครัวมารวมกัน สำนักงาน กสทช. เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการในการติดต่อสื่อสารผ่านบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเพื่อป้องกันไม่ให้คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเวลาดังกล่าวลดลง สำนักงานฯ จึงได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้เพิ่มขีดความสามารถและความระมัดระวัง ในการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคม เครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาช่วงเทศกาลปีใหม่-สำนักข่าวไทย.

มอบรางวัลผลงานวิจัยเด่นรับมือโควิด-19

กทม. 24 ธ.ค.63 – กางแผนยุทธศาสตร์ ปี 64 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ พร้อมมอบรางวัล 10 ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่นรับมือวิกฤตโควิด19  กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดงานแถลงแผนยุทธศาสตร์กระทรวง อว. ประจำปี 2564 พร้อมเปิดงานนิทรรศการและมอบรางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่นตอบรับ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และการปรับตัวอันเนื่องมาจากภาวะวิกฤติโควิด 19 พร้อมทั้งจัดนิทรรศการแสดง 10 ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่น ช่วยประเทศในการรับมือกับภาวะการแพร่ระบาดของโควิด19  รศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์  รักษาการรองผู้อำนวยการด้านการดำเนินการกองทุนและอำนวยการ สกสว. กล่าวว่ากระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานประเทศ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยกลไกการพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อประเทศต้องประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด19 ส่งผลกระทบในวงกว้างกับทุกภาคส่วน การสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ  สกสว. ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. ทำหน้าที่กำหนดทิศทางแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ผลักดันแผนสู่การปฏิบัติ และการจัดสรรงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีภารกิจสำคัญ สนับสนุน ส่งเสริม ขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นการขับเคลื่อนงานเชิงระบบที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาประเทศ ด้วยการสร้างองค์ความรู้ต่างๆนับว่าเป็นเรื่องท้าทาย จึงได้สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมนี้  โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ในการต่อสู้กับวิกฤติ Covid-19  กระทรวงอว. และ สกสว. มีผลงานวิจัยจำนวนมากที่ช่วยให้เราคนไทยผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal  ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้วิจัย และผลงานวิจัยที่สร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้คัดเลือกผลงานวิจัยและนวัตกรรมให้เป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่น รวมทั้งจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่นตอบรับ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และการปรับตัวในภาวะวิกฤติ Covid-19 โดยมีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่น เช่น นวัตกรรมชุด PPE ฝีมือ คนไทย มาตรฐานสากล โดย กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เป็นการการพัฒนาผลงานนวัตกรรมชุด PPE รุ่นเราสู้ กันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้ สามารถซักและใช้ซ้ำได้ไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง  ,หุ่นยนต์โรยละอองยาฆ่าเชื้อ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หุ่นยนต์สามารถฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคเป็นการลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิภาพของการปฎิบัติงานให้รวดเร็วมากกว่า 2 เท่า ใช้รีโมทควบคุมระยะไกล สามารถควบคุมผ่านกล้องวงจรปิดไร้สายดูภาพผ่านหน้าจอโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือจอภาพขนาดเล็กได้   โครงการ วิจัยพัฒนาชุดนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการป้องกัน ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาการติดเชื้อ COVID-19 โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) พัฒนาหน้ากากอนามัย WIN-Masks ทำจากผ้าเคลือบสารนาโนป้องกันไวรัส สามารถซักได้ 30 ครั้ง ผลิตและแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ จำนวนมากกว่า 200,000 ชิ้น ครีมฟ้าทะลายโจร มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อจุลชีพ 99.99% เป็นทางเลือกสำหรับผู้แพ้แอลกอฮอล์ และยังมีผลงานอื่น ๆอีกมากมายรวมทั้งสิ้น 10 ผลงานที่เป็นการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด19ในประเทศ .-สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อน : โควิด-19 ระลอกใหม่รับมือยังไงดี

วันที่ 19 ธ.ค. 63 ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร สั่งล็อกดาวน์ ออกคำสั่ง ห้ามคนต่างด้าว เข้า-ออก เขตจังหวัดส่วนประชาชนที่อยู่ในจังหวัด ขอให้งดเดินทางออกนอกจังหวัด

สรุปข่าวสั้น ทันโควิด-19 (24 ธ.ค. 63)

สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 67 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 5,829 ราย หายป่วยเพิ่ม 21 ราย สะสม 4,116 ราย ยังรักษาใน รพ. 1,653 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย

นายกฯ ประชุมคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ หลังประชุม ศบค. กำหนดแนวทางการบริหารเศรษฐกิจ “แนวใหม่” หลังโควิด-19 แพร่รอบสอง

ศรีสุวรรณ ให้ข้อมูลคณะก้าวหน้าทำตัวคล้ายพรรคการเมือง

“ศรีสุวรรณ” เข้าให้ข้อมูล กกต. คณะก้าวหน้าทำตัวคล้ายพรรคการเมือง ยืนยันแตกต่างจากลุ่มการเมืองในจังหวัด เตรียมยื่นหลักฐานเพิ่มใน 2 สัปดาห์

นายกฯ มอบผู้ว่าฯ กำหนดพื้นที่ควบคุมโรค

นายกรัฐมนตรี ยันสถานการณ์โควิด 19 ในไทยรับมือได้ ถ้าทุกคนร่วมมือ ยังไม่ล็อกดาวน์ประเทศ แต่มอบผู้ว่าฯ – สสจ.จังหวัด กำหนดโซนควบคุมโรคตามการแพร่ระบาด ไม่แบ่งเป็นสีพื้นที่ น้อมรับคำติไม่โทษใคร เตรียมขอมติ ครม.ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวชั่วคราว

ศบค.ไม่ล็อกดาวน์ประเทศ

ศบค.ยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 แบ่งพื้นที่เป็น 4 ระดับตามความเสี่ยง ไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมปีใหม่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้อำนาจผู้ว่าฯ ออกมาตรการควบคุมโรคตามสถานการณ์

โฆษก ปชป.ชี้พรรคปฏิบัติตามมาตรการป้องโควิดเคร่งครัด

ราเมศ ย้ำ สมาชิกพรรค ทำตามมาตรการป้องกันโควิดเคร่งครัด ต้องเป็นตัวอย่างให้ประชาชน ใครฝ่าฝืนดำเนินการตามข้อบังคับเด็ดขาด

สหภาพฯกสทร้องนายกฯเลื่อนจดทะเบียนNT

กรุงเทพฯ 24 ธ.ค. สหภาพฯกสท โทรคมนาคม ร้องนายกฯ ขอเลื่อนจดทะเบียนเอ็นที นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (สร.กสท)   กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2563  สร.กสท ได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการขอเลื่อนการควบรวมกิจการของ กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ(จำกัด ) มหาชน หรือ เอ็นที ออกไปก่อน จากเดิมที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มีแผนจดทะเบียนบริษัทในวันที่ 7 ม.ค. 2564 เป็น เดือนมี.ค. 2564 แทนตามที่กฎหมายกำหนด  ทั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการ แล้วจดทะเบียนการควบรวมกิจการฯ ตามมติรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 14 ม.ค. 2563 เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีแนวทางในการปฏิบัติงานและการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง เช่น พนักงาน หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ใช้บริการ เพื่อให้การควบรวมกิจการครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากทุกฝ่าย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ ตามที่ครม.ได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยที่ผ่านมารมว.ดีอีเอส ได้แต่งตั้งคณะทำงานกำหนดนโยบายแนวทาง และติดตามการดำเนินงานเกี่ยวกับการควบกิจการ ซึ่งมีการประชุมเพียง 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน สร.กสท  เห็นด้วยและสนับสนุนการควบรวมกิจการ เพราะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดการลงทุนซ้ำซ้อนในการดำเนินธุรกิจของทั้งสององค์กร ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินและทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการแข่งขันกันเองให้เป็นหน่วยงานของรัฐในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและความมั่นคง เพื่อตอบสนองนโยบายสำคัญของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน แต่การควบรวมกิจการเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความสำคัญยิ่ง เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย โดยได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาฯ เข้ามาดำเนินงานในช่วงระยะเวลาที่ จำกัด ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นที่มิได้มีการวิเคราะห์แผนงานและดำเนินการบริหารความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ เช่น โครงสร้างองค์กร, ทิศทางการดำเนินธุรกิจ, การออกแบบระบบบริหารทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับโครงสร้าง, สิทธิประโยชน์ และสภาพการจ้างฯ ที่สำคัญยังไม่มีการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่พนักงาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจและสาธารณชน บุคคลภายนอก ซึ่งตามมติครม. เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2563 ระบุว่าต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า สิ่งใดบ้างที่จะเปลี่ยนแปลงและสภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้นภายหลังการควบรวมเป็นอย่างไร ก็ยังไม่มีความชัดเจน  สร.กสท จึงมีความกังวลเรื่องโครงสร้าง เอ็นที ตามที่ บริษัทที่ปรึกษากำหนดมา ณ Day 1 คือ มีรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 18 สายงาน มีผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่มากกว่า 30 คน มีผู้จัดการฝ่ายจำนวน 119 คน และผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายมากกว่า 230 คน ผู้จัดการส่วนประมาณ 2,000 คน  สร.กสท เห็นว่าการกำหนดโครงสร้างองค์กรแบบ N-3 ที่ยังไม่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงสู่กลยุทธ์องค์กร ในการจัดทำแผนธุรกิจ ทั้งในระยะกลางและระยะยาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน มิได้วางแผนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้ชัดเจนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทุกคนในองค์กร รวมถึงการสนับสนุน ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด และพิจารณากำหนดแผนการบริหารจัดการบุคคลากรรองรับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการ ผลการปฏิบัติงานและระบบโครงสร้างเงินเดือน ที่ควรคำนึงถึงเป้าหมาย กลยุทธ์ใหม่และการเชื่อมโยงให้เห็นภาระงานที่ชัดเจนในแต่ละส่วนงานที่มาควบรวมกัน และมุ่งเสริมสร้างวิสัยทัศน์และพันธกิจองค์กรร่วมกันตามมติครม. ปัญหาที่จะเกิดขึ้น คือ โครงสร้างที่มีความซ้ำซ้อน เพิ่มขั้นตอนกระบวนการทำงาน จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและไม่เป็นหนึ่งเดียวในการทำงาน สิ้นเปลืองงบประมาณ เกินความจำเป็น จากเงินประจำตำแหน่ง ไม่มีความชัดเจนในการบริหารทรัพยากรบุคคล เช่น เส้นทางความก้าวหน้า ระบบแรงจูงใจ การประเมินผลการปฏิบัติงาน ระเบียบขั้นตอนการทำงานที่มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการที่สำคัญ คือ ขาดการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสององค์กรให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ให้สอดคล้องต่อวิสัยทัศน์ และเป็นไปตามนโยบายภาครัฐให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ คือ ประหยัดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์และสภาพการจ้างสร.กสท เห็นว่า บริษัทที่ปรึกษา ต้องมีรายละเอียด และมีความจำเป็นที่พนักงานของทั้งสององค์กร ที่จะถูกโอนย้ายไปยัง เอ็นที ต้องทราบในส่วนของสิทธิประโยชน์และสภาพการจ้างฯ ตามที่รมว.ดีอีเอส  มีนโยบายให้มีการเจรจาสี่ฝ่าย ที่ประกอบไปด้วย กรรมการผู้จัดการใหญ่  กสท โทรคมนาคม และ ทีโอที ผู้แทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กสท และ ทีโอที ที่ได้มีการประชุมเพียงครั้งเดียว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจึงไม่สามารถชี้แจงหรือสื่อสารต่อพนักงานได้ -สำนักข่าวไทย.

นายกฯ กำชับตรวจแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มข้น

นายกรัฐมนตรี กำชับเฝ้าระวังตรวจตราแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มข้น เพราะกระจายอยู่ทั่วประเทศ และสภาพความเป็นอยู่เอื้อต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ย้ำการ์ดอย่าตก ระบุเสียใจที่ช่วงปีใหม่ควรจะมีความสุขกัน แต่ต้องเพิ่มความเข้มงวดในระดับสูงสุด

“อนุทิน” มั่นใจคุมโควิดกระจายได้

ทำเนียบรัฐบาล 24 ธ.ค.-“อนุทิน” เปรียบเชื้อโควิดกระจายหลายจังหวัดเหมือนสะเก็ดไฟที่ยังคุมได้เหมือนช่วงต้นปี ศบค.เตรียมพิจารณามาตรการแบ่งโซนพื้นที่สกัดแพร่ระบาดรับมือช่วงปีใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) เกี่ยวกับการแบ่งโซนสีตามพื้นที่จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อและมีความเสี่ยง ว่า กระทรวงสาธารณสุขจะประเมินสถานการณ์ และรายงานให้ที่ประชุมศบค.ทราบเพื่อประกอบการพิจารณามาตรการที่จะออกมา ส่วนเรื่องการล็อกดาวน์พื้นที่จะออกมาตรการตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาตามความจำเป็นในการออกมาตรการแต่ละพื้นที่ ส่วนจำเป็นต้องใช้มาตรการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงการงดจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าขณะนี้กลุ่มที่มีความเสี่ยงทั้งหมดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นแรงงานต่างด้าว จะเห็นได้ว่าการตรวจหาเชื้อในช่วงแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ขณะนี้เริ่มลดลงแล้ว และอยู่ในวงจำกัด เชื้อไม่แพร่กระจายไปไหน “ส่วนที่เชื้อแตกกระสานซ่านเซ็น ขณะนี้ก็เหมือนสะเก็ดไฟ ที่เมื่อกระจายออกไป ระบบสาธารณสุขก็เข้าไปตะครุบ เป็นสูตรเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เคยทำสำเร็จมาในช่วงการระบาดต้นปีที่ผ่านมา” นายอุนทิน กล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการตรวจหาเชื้อแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ตลาดทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ว่า เป็นเรื่องของระบบสาธารณสุขในการสืบสวนสอบสวนโรค แต่จะให้ไปตรวจทุกที่ทุกทางก็ไม่ใช่ แนวทางการพิจารณาคือจะตรวจในจุดที่มีโอกาสเสี่ยงก่อน ส่วนความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน ยืนยันว่ายังเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ แต่จะเร่งรัดให้เร็วขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมศบค. วันนี้(24 ธ.ค.) ที่ประชุมจะรับทราบภาพรวมการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี กรุงเทพมหานคร […]

1 7 8 9 10 11 440