ภูเก็ต 22 ธ.ค.63 – สทนช. วางแผนระยะยาวพัฒนาลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก เตรียมความพร้อมมีปริมาณน้ำเพียงพอรับมือการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต คาดปี 2582 ต้องใช้น้ำมากถึง 124.22 ล้านลูกบาศก์เมตร สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตกที่ สทนช. อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (SEA) มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพรตรัง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ทั้งนี้ได้มีการศึกษาด้านวิศวกรรม อุตุ-อุทกวิทยา สภาพภูมิสังคม รวมถึงได้ทบทวนผลการศึกษาและการดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนกว่า 70 ครั้ง เพื่อสอบถามความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ นำมาประกอบการจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ของพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก พร้อมจัดทำแผนหลักการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก 20 ปี และแผนปฏิบัติการ 5 ปี รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) โดยจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2564 สำหรับจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่สำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตกที่มีอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ทำให้มีโรงแรมที่พักเกิดขึ้นในแทบทุกพื้นที่ตั้งแต่หัวเกาะจรด ท้ายเกาะ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเฉลี่ยปีละกว่า 14 ล้านคน สามารถนำรายได้เข้าประเทศถึงปีละกว่า 4 แสนล้านบาท แต่เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยทะเล จึงทำให้แหล่งน้ำต้นทุนมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งสวนทางกับปริมาณความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการศึกษาพบว่าในปี 2562 มีความต้องการใช้น้ำรวมประมาณ 80.86 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าในปี 2572 จะเพิ่มเป็น 103.18 ล้านลูกบาศก์เมตรและภายในปี 2582 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 124.22 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้สถานการณ์น้ำจังหวัดภูเก็ต อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ อย่างครอบคลุม โดยปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ต มีน้ำต้นทุนประมาณ 27.14 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ไม่เพียงพอกับความต้องการ ขณะที่การผลิตน้ำประปาปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 125,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งสามารถให้บริการได้เพียงร้อยละ 70 ของจำนวนผู้ต้องการใช้น้ำเท่านั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดวางแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องทั้งปริมาณน้ำต้นทุนที่มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำต้นทุนทั้งน้ำจืด น้ำทะเล น้ำใต้ดิน รวมถึงมีการวางแผนการส่งเสริมการผลิตน้ำประปาอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับกับปริมาณ ความต้องการใช้น้ำในอนาคตและเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้คณะเลขาธิการ สทนช. ยังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำที่อ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อ่างเก็บน้ำ ที่เป็นแหล่งน้ำดิบที่สำคัญสำหรับการผลิตน้ำประปา โดยทั้ง 3 แห่ง สามารถกักเก็บน้ำดิบได้รวมกันประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งติดตามการดำเนินงานของโรงผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืดโดยการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลด้วยเทคโนโลยี Reverse Osmosis ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 10,000-12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยน้ำประปาที่ได้จะส่งไปให้พื้นที่การท่องเที่ยวบริเวณหาดกะรน หาดกะตะและหาดกะตะน้อยในอัตราร้อยละ 35 ที่เหลืออีกร้อยละ 65 จะส่งไปยังพื้นที่หาดป่าตองเพื่อเป็นน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับการท่องเที่ยวต่อไป