Arnat Sakdaronnarong

วอชิงตัน 1 ก.พ. – อัยการสหรัฐตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการกับ อเล็ก บอลด์วิน นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา จากกรณีที่เขาทำปืนประกอบฉากลั่นใส่ฮาไลนา ฮัตชินส์ ผู้กำกับภาพ จนเสียชีวิต ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘รัสต์’ (Rust) ในรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคม 2564 อัยการของรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเคยประกาศในช่วงต้นเดือนนี้ว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะตั้งข้อหาเอาผิดกับบอลด์วิน กล่าวเมื่อวันอังคารตามเวลาในสหรัฐว่า วันนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ฮัตชินส์ และไม่มีผู้ใดในรัฐนิวเม็กซิโกที่อยู่เหนือกฎหมายและความยุติธรรม ขณะที่แถลงการณ์ของอัยการรายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สืบสวนที่ระบุว่า บอลด์วินมีอาการฟุ้งซ่านและคุยโทรศัพท์กับครอบครัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่เขากำลังฝึกซ้อมยิงปืนอยู่ในกองถ่าย นอกจากนี้ บอลด์วินยังฝึกซ้อมยิงปืนเพียง 30 นาทีทั้งที่ต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น โดยที่ข้อมูลเหล่านี้เป็นคำให้การของฮันนาห์ กูเทียร์เรซ-รีด ผู้ดูแลอาวุธปืนประกอบฉาก ซึ่งถูกตั้งข้อหาเดียวกันกับบอลด์วิน ทั้งนี้ หากบอลด์วินและกูเทียร์เรซ-รีด กระทำความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ก็อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 18 เดือน และถูกปรับเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 164,500 บาท) แต่การพิจารณาคดีอาจใช้เวลานานถึง 5 ปี ก่อนหน้านี้ บอลด์วินได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า ทีมงานบอกเขาว่าปืนประกอบฉากที่ใช้อยู่นั้นไม่มีกระสุนบรรจุอยู่ และเขาไม่ได้เป็นคนลั่นไกปืน […]

อิสลามาบัด 1 ก.พ. – เหตุระเบิดมัสยิดที่ตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจเมืองเปชวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถานเมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 100 คน ขณะที่ตำรวจคาดว่าเหตุดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มตอลิบานในปากีสถานที่ต้องการแก้แค้นเจ้าหน้าที่รัฐ หัวหน้าสำนักงานตำรวจเมืองเปชวาร์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นไคเบอร์ปักตุนควาที่ใกล้กับพรมแดนของอัฟกานิสถาน กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ตำรวจเมืองเปชวาร์กำลังเดินหน้าปรามปรามกลุ่มก่อการร้ายอย่างเข้มงวด และทำให้ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกลุ่มนี้เพื่อทำให้ตำรวจเสียขวัญกำลังใจ ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ตัดสินใจยุติการค้นหาผู้รอดชีวิตแล้วเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร โดยพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 100 คนและส่งตัวผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว ตำรวจปากีสถานไม่เผยนามนายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากอาการกระดูกเท้าหักหลังเกิดเหตุระเบิดที่มัสยิด เผยว่า เขาติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังโดยมีศพผู้เสียชีวิตทับอยู่บนตัวเขามาเป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโมงจนไม่คิดว่าตนเองจะมีชีวิตรอด ขณะที่ตำรวจอีกนายที่รอดชีวิตจากเหตุดังกล่าวระบุว่า เขาได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นหลังอิหม่ามเริ่มนำสวดได้เพียงไม่กี่วินาที ขณะที่หัวหน้าสำนักงานตำรวจของแคว้นไคเบอร์ปักตุนควา เผยว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายเข้ามาที่มัสยิดแห่งนี้ในฐานะผู้เยี่ยมชม โดยพกวัตถุระเบิดหนัก 10-12 กิโลกรัมติดตัวมาด้วย และเชื่อว่ากลุ่มตอลิบานในปากีสถานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ มีตำรวจราว 300-400 นายรวมตัวกันอยู่ในมัสยิดของสำนักงานตำรวจเมืองเปชวาร์เมื่อวันจันทร์ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นจนทำให้หลังคามัสยิดเกือบทั้งหมดพังถล่มทับตำรวจหลายร้อยนาย.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 31 ม.ค. – จาฟาร์ แจ็คสัน หลานชายของไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป๊อบผู้ล่วงลับ ได้รับเลือกให้แสดงบทบาทเป็นไมเคิล แจ็คสัน ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง ‘ไมเคิล’ (Michael) ซึ่งกำกับโดยอองตวน ฟูคัว ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังแห่งฮอลลีวูด จาฟาร์ แจ็คสัน วัย 26 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของเจอร์เมน แจ็คสัน วัย 68 ปี พี่ชายของไมเคิลและอดีตสมาชิกวงเดอะแจ็คสันไฟว์ ได้รับการวางตัวให้แสดงบทบาทเป็นไมเคิล แจ็คสัน โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเขา จาฟาร์ประกาศข่าวยืนยันการรับบทเป็นไมเคิล แจ็คสัน ผ่านทางทวิตเตอร์ โดยระบุว่า เขารู้สึกถ่อมตัวและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สวมบทบาทนี้ ขณะที่แคทเธอรีน แจ็คสัน มารดาของไมเคิล กล่าวว่า จาฟาร์มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับไมเคิล เธอรู้สึกดีใจที่รู้ว่าจาฟาร์ได้รับเลือกให้แสดงเป็นลูกชายของเธอ เกรแฮม คิง ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังจากภาพยนตร์ชีวประวัติของวงควีนเรื่อง ‘โบฮีเมียน แรปโซดี’ (Bohemian Rhapsody) ที่คว้า 4 รางวัลบนเวทีออสการ์ กล่าวว่า ทีมงานเบื้องหลังได้ออกเดินทางไปค้นหาผู้ที่จะมารับบทเป็นไมเคิล แจ็คสันมาแล้วทั่วโลกก่อนที่จะตัดสินใจมอบบทนี้ให้แก่จาฟาร์ […]

ปักกิ่ง 31 ม.ค. – หน่วยงานสาธารณสุขของจีนระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากไม่พบสัญญาณการระบาดระลอกใหม่หลังการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน แม้ว่าสถิติการเดินทางในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนก็ตาม ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนเผยวันนี้ว่า ขณะนี้ จีนยังไม่พบผู้ป่วยโควิดรายวันพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน ไม่พบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ และการระบาดของโรคโควิดในจีนกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า ในช่วง 22 วันแรกของปีนี้ มีประชาชนออกเดินทางมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 75.8 แม้ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของสถิติเดินทางในเทศกาลตรุษจีนของปี 2562 ที่เป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า จีนมียอดผู้ป่วยโควิดรายวันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ประกาศยกเลิกการใช้นโยบายทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมปีก่อน ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยโควิดที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและคลินิกก็พุ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือนนี้ ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการเดินทางกลับภูมิลำเนาครั้งใหญ่ของชาวจีนหลายร้อยล้านคนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่อาจทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิดรุนแรงขึ้น ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 98.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 111,500 คน. -สำนักข่าวไทย

เนปิดอว์ 31 ม.ค. – กองทัพเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมด้านทหารระดับภูมิภาคที่ประเทศไทยกับสหรัฐเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 20 ก.พ. เป็นเวลา 5 วัน เว็บไซต์ข่าวเมียนมา นาว รายงานอ้างคำพูดของโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเมื่อวันจันทร์ว่า กองทัพเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM-Plus) ในด้านความมั่นคงทางทะเลที่มีการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะด้วย ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบและการพิจารณาของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยที่การประชุมครั้งนี้จะประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกของอาเซียน และตัวแทนจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐ เมียนมา นาว ยังรายงานอ้างเอกสารข้อมูลของการประชุมดังกล่าวที่ระบุว่า การฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับปัญหาการค้นหาและกู้ภัย การปล้นสะดมในน่านน้ำทะเล การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธ และคนเข้าเมือง อาเซียนประสบปัญหาในการช่วยแก้ไขความขัดแย้งภายในของเมียนมา เนื่องจากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ปฏิบัติตามแผนการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่กองทัพเมียนมาก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 จนทำให้อาเซียนต้องสั่งห้ามตัวแทนระดับสูงของกองทัพเมียนมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดมาแล้วหลายครั้ง และมีสมาชิกบางประเทศของอาเซียนได้ออกมาเรียกร้องให้อาเซียนติดต่อประสานงานกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือเอ็นยูจี (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักการเมืองที่ถูกกองทัพเมียนมายึดอำนาจ อินโดนีเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ต่อจากกัมพูชาสนับสนุนให้ติดต่อกับเอ็นยูจี ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย […]

แคลิฟอร์เนีย 31 ม.ค. – ศาลสหรัฐระบุว่า ชายที่ขับรถยนต์เทสลาตกหน้าผาสูงกว่า 76 เมตรในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าในความผิดรวม 3 กระทง เอกสารของศาลสหรัฐระบุเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า นายดาร์เมช เอ พาเทล วัย 41 ปี ซึ่งก่อเหตุขับรถยนต์เทสลาตกหน้าผาสูงกว่า 76 เมตรโดยที่มีภรรยาและลูกอีก 2 คนนั่งอยู่ในรถในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าในความผิดรวม 3 กระทง นอกจากนี้เขายังถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายอย่างสาหัสและใช้ความรุนแรงกับภรรยาและบุตรสาววัย 7 ขวบ ตำรวจจับกุมนายพาเทลหลังจากรถตกหน้าผา เนื่องจากสงสัยว่า เขาพยายามฆ่าและทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย เอกศาลดังกล่าวยังรายงานอ้างหลักฐานจากจุดเกิดเหตุและคำให้การของพยานที่ชี้ว่า นายพาเทลจงใจขับรถยนต์พุ่งตกหน้าผาสูงชัน และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเทศมณฑลซานมาเทโอในรัฐแคลิฟอร์เนียหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยรู้สึกตกใจอย่างมากที่ทั้งสี่คนมีชีวิตรอดราวปาฏิหาริย์จากซากรถที่พังยับเยิน หลังนายพาเทลขับรถพุ่งตกหน้าผาสูงชัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่คาดว่าสาเหตุที่ทำให้ทั้งสี่รอดชีวิตนั้นน่าจะมาจากการที่รถยนต์ตกกระแทกพื้นด้านล่างโดยมีล้อรถยนต์รองรับ จึงทำให้ผู้โดยสารทั้งสี่ยังคงอยู่ใกล้หน้าต่างรถ ซึ่งง่ายต่อการช่วยเหลือออกมาจากตัวรถ. -สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 31 ม.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติและประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ใช้ในการรับมือกับโรคโควิด-19 ในวันที่ 11 พ.ค. นี้ หลังสหรัฐใช้ประกาศดังกล่าวมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด คำสั่งยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติและประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดีไบเดนถือเป็นการปรับโครงสร้างของรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการเรื่องการรับมือกับโรคโควิดในฐานะที่เป็นโรคประจำถิ่น และยังมีขึ้นในขณะที่ ส.ส. สหรัฐ ได้ลงมติเห็นพ้องต่อการยกเลิกนโยบายต่าง ๆ ที่ใช้ในประกาศดังกล่าว ซึ่งรวมถึงสิทธิตรวจรักษาโรคโควิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในกลุ่มชาวอเมริกันหลายล้านคนในช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด นอกจากนี้ ส.ส. สหรัฐยังเห็นพ้องที่จะไม่ให้รัฐบาลกลางเข้าไปมีส่วนข้องเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนหรือแนวทางการรักษาโรคโควิดโดยตรงอีกต่อไป ทั้งนี้ ประกาศของประธานาธิบดีไบเดนมีขึ้นเพื่อคัดค้านการเสนอญัตติของ ส.ส. พรรครีพับลิกัน ที่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติในทันที โดยที่ ส.ส. พรรครีพับลิกันกำลังเดินหน้าตรวจสอบเรื่องการใช้เงินส่วนกลางของรัฐบาลกลางในการรับมือกับโรคโควิดอีกด้วย ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเป็นครั้งแรกเพื่อรับมือกับโรคโควิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะขยายการใช้ประกาศดังกล่าวต่ออีกหลายครั้งนับตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม 2564 และจะยกเลิกประกาศทั้งคู่ในวันที่ 11 พ.ค. นี้. -สำนักข่าวไทย

เคียฟ 30 ม.ค. – ยูเครนเรียกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี ว่าเป็น ‘ผู้สนับสนุนสงคราม’ หลังไอโอซีระบุว่ากำลังพิจารณาให้นักกีฬาของรัสเซียลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ นายมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ระบุผ่านทวิตเตอร์ในวันนี้ว่า ไอโอซีเป็นผู้สนับสนุนสงคราม ฆาตกรรม และการทำลายล้าง หน่วยงานนี้เฝ้าดูรัสเซียทำลายยูเครนด้วยความด้วยความยินดี ยอมให้รัสเซียใช้เวทีโอลิมปิกเพื่อส่งเสริมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และสนับสนุนให้รัสเซียเดินหน้าสังหารผู้คนต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงผ่านคลิปวิดีโอเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า การอนุญาตให้นักกีฬารัสเซียเข้าแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส เท่ากับเป็นการบอกกับคนทั้งโลกว่า การก่อการร้ายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ผู้นำยูเครนระบุว่า เขาได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสแล้ว และจะต้องไม่ปล่อยให้รัสเซียใช้โอลิมปิกเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งยังระบุว่า ยูเครนจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก หากนักกีฬาของรัสเซียกับเบลารุสได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน ก่อนหน้านี้ ไอโอซีเผยว่า นักกีฬาของรัสเซียกับเบลารุสอาจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสได้โดยใช้สัญลักษณ์ธงเป็นกลางที่เป็นธงสีขาว ทั้งยังระบุว่า ไม่ควรมีนักกีฬาคนใดถูกห้ามลงแข่งขันเพียงเพราะเรื่องสัญชาติ. -สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 30 ม.ค. – มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จะอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่แต่งงานสามารถสร้างครอบครัวและมีบุตรได้อย่างถูกกฎหมาย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลเช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว เพื่อกระตุ้นอัตราเด็กเกิดใหม่ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการด้านสุขภาพของมณฑลเสฉวน ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของจีน ระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า ทางการท้องถิ่นจะยกเลิกเพดานจำกัดการมีบุตรในกลุ่มคู่รักที่แต่งงานแล้วและกลุ่มผู้ที่ยังไม่แต่งงานที่ต้องการมีบุตรตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป เพื่อส่งเสริมการมีบุตรในระยะยาวอย่างสมดุล นอกจากนี้ ทางการท้องถิ่นมณฑลเสฉวนจะอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่แต่งงานได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากรัฐบาลเช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว เช่น การเบิกค่ารักษาพยาบาลสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และการได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ลาคลอด ประกาศของมณฑลเสฉวนมีขึ้นหลังจากที่จีนมีประชากรในปี 2565 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี จนทำให้รัฐบาลจีนต้องออกนโยบายและมาตรการใหม่เพื่อจูงใจให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนกำหนดให้หญิงแต่งงานแล้วเท่านั้นที่สามารถมีบุตรได้อย่างถูกกฎหมาย แต่จีนกลับมีอัตราแต่งงานและอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ทางการท้องถิ่นของจีนเริ่มปรับข้อกำหนดต่าง ๆ ในปี 2562 ให้ผู้ที่ยังไม่แต่งงานแต่ต้องการมีบุตรได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว. -สำนักข่าวไทย

อัมสเตอร์ดัม 30 ม.ค. – ฟิลิปส์ บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ของเนเธอร์แลนด์ ประกาศว่าจะปลดพนักงานออกจากตำแหน่ง 6,000 คนทั่วโลก หลังประสบปัญหาขาดทุนที่เกิดจากคำสั่งเรียกคืนเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยรักษาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากมีอุปกรณ์บางชิ้นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นายรอย ยาค็อปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของฟิลิปส์ ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ประกาศปลดพนักงานจำนวนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากยิ่ง แต่บริษัทจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานทั่วโลกให้ได้ราว 6,000 คนภายในปี 2568 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการทำงานให้ได้อย่างรวดเร็วและมีผลิตภาพ โดยตั้งเป้าลดพนักงานให้ได้ 3,000 คนภายในปีนี้ ทั้งยังระบุว่า ฟิลิปส์จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาด้านการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ ความปลอดภัยของผู้ใช้อุปกรณ์เพื่อสุขภาพที่บริษัทผลิตขึ้น รวมถึงการเรียกคืนเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยรักษาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีปัญหาทั้งหมด เนื่องจากมีอุปกรณ์บางชิ้นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อนหน้านี้ ฟิลิปส์ประกาศว่าประสบปัญหาขาดทุน 105 ล้านยูโร (ราว 3,730 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 ทำให้บริษัทขาดทุนสะสมเพิ่มเป็น 1,605 ล้านยูโร (ราว 57,000 ล้านบาท) ในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากคำสั่งเรียกคืนเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยรักษาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเมื่อปี 2564 เนื่องจากพบโฟมขนาดเล็กที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าวเสื่อมสภาพ และอาจทำให้ผู้ใช้สูดหรือกลืนเข้าไปในร่างกาย โดยที่ชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นพิษและอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง. -สำนักข่าวไทย