นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนในประเทศรายแรก

เวลลิงตัน 29 ธ.ค. – นิวซีแลนด์เผยวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศรายแรกที่มีประวัติเดินทางไปหลายสถานที่ในเมืองออกแลนด์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เช่น ไนต์คลับ ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องประดับ กระทรวงสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนคนดังกล่าวเดินทางจากอังกฤษมาถึงนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม แต่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 27 ธันวาคม ขณะนี้ ทางการนิวซีแลนด์ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายอื่นที่เดินทางมาในเที่ยวบินกับผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าว และกำลังเร่งสืบสวนหาที่มาของการติดเชื้อในครั้งนี้ ทั้งยังระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายนี้อยู่ในเมืองออกแลนด์เมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม และอยู่ในระยะเชื้อฟักตัวที่ทำให้ยังไม่สามารถแพร่เชื้อไวรัสให้ผู้อื่นได้ กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ยังระบุว่า ทางการได้ติดตามผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าว ทั้งหมดมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบและกำลังกักตัวรอดูอาการ ก่อนหน้านี้ นิวซีแลนด์ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศแม้แต่รายเดียว โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวเพียง 17 คนในสถานที่กักตัวซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ขณะนี้ นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 14,000 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 51 คน.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นเตรียมรับมือโอไมครอนระบาดช่วงปีใหม่

โตเกียว 29 ธ.ค. – ญี่ปุ่นเตรียมรับมือกับยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ท้องถนนและท่าอากาศยานของญี่ปุ่นในวันนี้แน่นขนัดไปด้วยนักเดินทางในช่วงก่อนถึงเทศกาลวันหยุดขึ้นปีใหม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานวันนี้ว่า นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว และนายฮิโรฟูมิ โยชิมูระ ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากาของญี่ปุ่น ได้ออกมาเตือนให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กในช่วงเทศกาลสิ้นปี ในขณะที่ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงคลัสเตอร์ผู้ป่วยที่คาดว่าติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวในสถานดูแลผู้สูงวัยแห่งหนึ่งในนครโอซากา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดฟรีก่อนออกเดินทางในช่วงนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการเดินทางของประชาชนอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากเมืองหลวงไปสู่ชนบท ขณะที่นายโนริโอะ โอมาการิ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของญี่ปุ่นและที่ปรึกษาระดับสูงด้านสาธารณสุขของทางการท้องถิ่นกรุงโตเกียวเตือนว่า การเดินทางไปพบปะผู้คนโดยไม่มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิดอย่างเหมาะสมถือเป็นความเสี่ยงสูงสุด นอกจากนี้ ประชาชนหลายคนได้ประเมินความรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่ำเกินไป เนื่องจากมีผลการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่าเชื้อดังกล่าวทำให้มีอาการป่วยไม่รุนแรง บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพท่าอากาศยานหลักหลายแห่งของญี่ปุ่นแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสาร ขณะที่ถนนทางหลวงที่มุ่งหน้าสู่ตะวันตกเฉียงใต้มีรถติดยาวเหยียดเป็นระยะทางถึง 39 กิโลเมตร ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเริ่มพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 385 คนเมื่อวันอังคาร ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 18,300 คน.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียเตือน 4 รัฐรับมือน้ำท่วมตั้งแต่ 31 ธ.ค.

กัวลาลัมเปอร์ 29 ธ.ค. – สำนักงานระบายน้ำและชลประทานของมาเลเซีย ประกาศแจ้งเตือนวันนี้ว่า 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐกลันตัน รัฐตรังกานู รัฐปะหัง และรัฐยะโฮร์ จะประสบภัยน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมเป็นต้นไป สำนักงานระบายน้ำและชลประทานของมาเลเซียคาดการณ์ว่า รัฐกลันตันจะเผชิญกับภัยน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกลันตันตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ขณะที่รัฐตรังกานูจะประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเบอซุตในวันและเวลาเดียวกัน ส่วนรัฐปะหังจะเผชิญกับน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปะหังตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 1 มกราคมปีหน้า และรัฐยะโฮร์จะประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเมอร์ซิงในวันและเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ สำนักงานฯ ยังแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเพิ่มความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการมาเลเซีย ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักอุตุนิยมวิทยาของมาเลเซียได้ประกาศแจ้งเตือนฝนตกต่อเนื่องเมื่อวันอังคาร.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจฮ่องกงบุกสำนักข่าวหนุนประชาธิปไตย-จับ พนง. 6 คน

ฮ่องกง 29 ธ.ค. – ตำรวจฮ่องกงนำกำลังหลายร้อยคนบุกสำนักงานของสแตนด์ นิวส์ (Stand News) สำนักข่าวออนไลน์ที่สนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกงในวันนี้ โดยจับกุมพนักงานของสแตนด์ นิวส์ไป 6 คน ซึ่งรวมถึงพนักงานระดับอาวุโส ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ยุยงปลุกปั่น ตำรวจฮ่องกงระบุในแถลงการณ์ว่า ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโดยมีหมายอนุญาตให้ค้นหาและยึดสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยุยงปลุกปั่น ขณะนี้ มีตำรวจฮ่องกงทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 200 นายลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ และกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สแตนด์ นิวส์ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ในฐานะสำนักข่าวที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นสำนักข่าวหลักที่ยังคงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง หลังหนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลี ของนายจิมมี ไหล เจ้าพ่อวงการสื่อของฮ่องกงที่ถูกตัดสินจำคุก ประกาศปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ก่อนหน้านี้ อัยการฮ่องกงได้ยื่นฟ้องข้อหาผลิตสื่อสิ่งพิ่มพ์ยุยงปลุกปั่นเพิ่มอีก 1 ข้อหาต่อนายไหลและอดีตพนักงานของแอปเปิล เดลี อีก 6 คนเมื่อวันอังคาร อย่างไรก็ดี ตำรวจฮ่องกงไม่ได้เปิดเผยว่า บทความใดของแอปเปิล เดลี หรือสแตนด์ นิวส์ ที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น.-สำนักข่าวไทย

ส.ส. จอร์แดนเปิดศึกแลกหมัดดุเดือดกลางสภา

อัมมาน 29 ธ.ค. – ส.ส. จอร์แดนจำนวนหนึ่งเปิดศึกแลกหมัดกันดุเดือดในรัฐสภาจอร์แดนเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังใช้วาจาโต้ตอบกันอย่างรุนแรงจนทำให้ประธานสภาต้องสั่งให้ ส.ส. คนหนึ่งออกจากที่ประชุม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อของทางการจอร์แดนว่า มี ส.ส. จอร์แดนจำนวนหนึ่งเปิดศึกชกต่อยกันอย่างดุเดือดกลางรัฐสภาจอร์แดน ส่วน ส.ส. อีกคนล้มไปกองบนพื้น ในขณะที่ ส.ส. คนอื่น ๆ ตะโกนส่งเสียงดังท่ามกลางเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในช่วงสุดท้ายของคลิปวิดีโอ อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวที่มีต้นเหตุมาจากการที่ ส.ส. คนหนึ่งไม่ยอมขอโทษจากการใช้คำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลในช่วงที่มีการอภิปรายถึงข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการเพิ่มคำนามเพศหญิงสำหรับพลเมืองจอร์แดนไว้ในบทหนึ่งของรัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิความเท่าเทียมของประชาชน และมี ส.ส. หลายคนกล่าวโต้แย้งการแก้ไขดังกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวทำให้จอร์แดนต้องเลื่อนการอภิปรายของเมื่อวานนี้มาเป็นในวันนี้แทน ในขณะเดียวกัน ส.ส. คนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า ส.ส. กลุ่มดังกล่าวเปิดฉากสาดน้ำลายใส่กันไปมาจนทำให้เกิดเหตุชกต่อยขึ้น ตัวแทนของประชาชนไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้ และการกระทำดังกล่าวก็ทำลายภาพลักษณ์ของจอร์แดนเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

เผย จนท. “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ตายในเหตุสังหารหมู่เมียนมา

ย่างกุ้ง 29 ธ.ค. – “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” (Save the Children) องค์กรการกุศลระหว่างประเทศ ยืนยันเมื่อวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิ 2 คนที่หายตัวไป เป็นผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งในเหตุสังหารหมู่ในวันคริสต์มาส อีฟ ที่รัฐกะยา ทางตะวันออกของเมียนมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย ซึ่งมีสตรีและเด็กรวมอยู่ด้วย ขณะที่สหรัฐกดดันให้ทั่วโลกใช้มาตรการห้ามขายอาวุธให้รัฐบาลทหารเมียนมา “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ยืนยันในแถลงการณ์ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิ 2 คนที่หายตัวไปก่อนหน้านี้เป็นผู้เสียชีวิตในกลุ่มผู้ที่ถูกสังหารอย่างน้อย 35 รายจากเหตุสังหารหมู่ในวันที่ 24 ธันวาคม หรือตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ กองทัพเมียนมาได้บังคับให้ทุกคนลงจากรถโดยสาร จับกุมคนจำนวนหนึ่ง สังหารผู้คนจำนวนมาก และจุดไฟเผาศพ ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เสียชีวิตคนหนึ่งเป็นครูฝึกสอน ส่วนอีกคนทำงานกับมูลนิธิมาเป็นเวลา 6 ปี นอกจากนี้ “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี จัดประชุมและเร่งดำเนินการหาตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน สหรัฐ ซึ่งเป็นแกนนำในการคว่ำบาตรรัฐประหาร […]

อนามัยโลกเตือนความเสี่ยงจากโอไมครอนยังสูงมาก

เจนีวา 29 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกระบุว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก ในขณะที่ทั่วโลกพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานับถึงวันอาทิตย์ องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานอัปเดตสถานการณ์ด้านระบาดวิทยารายสัปดาห์เมื่อวันพุธว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ ความเสี่ยงโดยรวมที่เชื่อมโยงกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก โดยที่เชื้อดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล มีหลักฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 2 เท่าภายใน 2-3 วัน และทำให้หลายประเทศพบผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เช่น อังกฤษและสหรัฐ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักแล้ว ทั้งนี้ การระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า แอฟริกาใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดลดลงถึงร้อยละ 29 โดยที่แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกที่พบการระบาดของเชื้อดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นอกจากนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากอังกฤษ แอฟริกาใต้ และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศที่พบอัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อประชากรสูงที่สุดในโลก ชี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวมีอัตราทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่ยังคงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวต่อไป นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า กลุ่มประเทศที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐ-รัสเซียจะคุยเรื่องสถานการณ์ยูเครนเดือนหน้า

วอชิงตัน 28 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่สหรัฐและรัสเซียกำหนดเจรจาด้านความมั่นคงในวันที่ 10 มกราคม 2565 เพื่อหารือเรื่องที่มีทั้งสองฝ่ายมีการเคลื่อนไหวทางทหารและเผชิญหน้ากันจากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน โฆษกทำเนียบขาวประกาศกำหนดวันหารือดังกล่าว และว่ารัสเซียและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตมีแนวโน้มจะหารือกันในวันที่ 12 มกราคม หลังจากนั้นจะมีการหารือในวงกว้างที่ครอบคลุมทั้งสหรัฐ รัสเซีย และยุโรปในวันที่ 13 มกราคม ด้านนายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียยืนยันกำหนดวันหารือข้างต้น และแสดงความหวังว่า การเจรจากับสหรัฐที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์จะนำมาซึ่งกระบวนการที่รัสเซียจะได้รับการรับรองด้านความมั่นคงจากชาติตะวันตก ส่วนการเจรจากับนาโตจะมีขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ขณะที่การเจรจาในวงกว้างจะประกอบด้วยรัสเซีย ยูเครน รัฐบริวารอดีตสหภาพโซเวียต และองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือโอเอสซีอี (OSCE) ที่มีสหรัฐและพันธมิตรนาโตรวมอยู่ด้วย รัสเซียได้ระดมพลใกล้พรมแดนยูเครน ทำให้ชาติตะวันตกเกรงว่าเป็นการเตรียมบุกยูเครนครั้งใหม่ หลังจากที่รัสเซียเคยยึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครนในปี 2557 รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้เตรียมบุก แต่มีสิทธิเคลื่อนกำลังพลหากเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย และต้องการให้นาโตรับประกันโดยมีผลผูกพันทางกฎหมายว่า จะไม่ขยายอิทธิพลรุกมาทางฝั่งตะวันออก และจะไม่นำอาวุธโจมตีบางประเภทมาประจำการในยูเครนหรือประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลสหรัฐเคยประกาศจะลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียหากบุกยูเครน ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามกฎหมายงบประมาณรายจ่ายขนานใหญ่เมื่อวันจันทร์ หนึ่งในนั้นมีการจัดสรรเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10,000 ล้านบาท) สนับสนุนกองทัพยูเครนด้วย.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียร่นระยะฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามเหลือ 3 เดือน

กัวลาลัมเปอร์ 28 ธ.ค. – นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า มาเลเซียจะร่นการเว้นช่วงฉีดวัคซีนเข็มที่สามของไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาเหลืออย่างน้อย 3 เดือนในกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ระบุว่า แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรการที่ใช้กันในหลายประเทศทั่วโลก เช่น เยอรมนีและออสเตรเลีย ซึ่งแนะนำให้ร่นการเว้นระยะฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้สั้นลงเหลืออย่างน้อย 3 เดือนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า มาเลเซียมีแนวโน้มเกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในชุมชนสูงมาก หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ในรัฐซาราวัก ปัจจุบันมาเลเซียแนะนำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของซิโนแวคครบสองโดสเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มสามของไฟเซอร์หรือแอสตราเซเนกาโดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนสองเข็มแรกของไฟเซอร์หรือแอสตราเซเนกาควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มสามโดยเว้นระยะห่าง 6 เดือน ขณะนี้ มาเลเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 31,000 คน. -สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียให้โบอิง 737 MAX บินได้อีกครั้ง

จาการ์ตา 28 ธ.ค.- อินโดนีเซียจะยกเลิกคำสั่งห้ามเครื่องบินโบอิงรุ่น 737 แม็กซ์ (MAX) ขึ้นบิน หลังจากเครื่องบินรุ่นนี้ตกในประเทศเมื่อ 3 ปีก่อน คร่าชีวิตคนบนเครื่องทั้งลำ 189 คน กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียแถลงวันนี้ว่า จะปฏิบัติตามหลายประเทศที่ยกเลิกคำสั่งห้ามเครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบิน เนื่องจากได้ประเมินการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานของเครื่องบินแล้ว อย่างไรก็ดี นักบินของสายการบินที่ประจำอยู่ในอินโดนีเซียจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมจำลองการบินเพิ่มเติมก่อนจึงจะสามารถขับเครื่องบินรุ่นนี้ได้อีกครั้ง ประเทศที่ยกเลิกคำสั่งห้ามโบอิง 737 แม็กซ์ขึ้นบิน เช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เอธิโอเปีย และประเทศในยุโรป สายการบินไลอ้อนแอร์ของเอกชนอินโดนีเซียที่เคยบินเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์จำนวน 10 ลำยังไม่ตอบข้อถามว่า จะกลับมาใช้เครื่องบินรุ่นนี้อีกหรือไม่ หลังจากเครื่องบินลำหนึ่งของไลอ้อนแอร์ตกในทะเลชวาทั้งที่ทะยานขึ้นได้เพียงไม่กี่นาทีเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตหมดทั้งลำ 189 คน ต่อมาเครื่องบินรุ่นเดียวกันของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ตกในลักษณะเดียวกันในเดือนมีนาคม 2562 เป็นเหตุให้ทางการทั่วโลกสั่งจอดเครื่องบินรุ่นนี้.-สำนักข่าวไทย

ชาวจีนตำหนิ “อีลอน มัสก์” หลังสถานีอวกาศจีนต้องหลบดาวเทียมสเปซเอ็กซ์

ปักกิ่ง 28 ธ.ค. – อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและผู้ก่อตั้งสเปซเอ็กซ์ บริษัทเทคโนโลยีด้านอวกาศของสหรัฐ ถูกชาวจีนรุมตำหนิอย่างหนักในสื่อโซเชียลมีเดีย หลังจีนยื่นคำร้องว่าสถานีอวกาศของจีนถูกบังคับให้หลบการชนกับดาวเทียมในโครงการสตาร์ลิงก์ อินเทอร์เน็ต เซอร์วิสเซส ของมัสก์ หนังสือคำร้องที่จีนยื่นต่อสำนักกิจการอวกาศแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOOSA) ในเดือนนี้ ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันโดยอิสระ ระบุว่า สถานีอวกาศของจีนถูกบังคับให้หลบการชนกับดาวเทียมของสตาร์ลิงก์ที่มีมัสก์เป็นเจ้าของถึงสองครั้งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมและ 21 ตุลาคม ขณะนี้ จีนได้เพิ่มระบบควบคุมเพื่อป้องกันการชนโดยคำนึงถึงเหตุผลด้านความปลอดภัยไว้ก่อน ขณะที่สเปซเอ็กซ์ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที หลังจากที่จีนได้เผยแพร่คำร้องดังกล่าวในเว็บไซต์ขององค์การอวกาศแห่งชาติจีน ชาวจีนต่างพากันตำหนิทั้งมัสก์ สตาร์ลิงก์ และสหรัฐอย่างดุเดือดในเวย์ปั๋ว ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีนแบบเดียวกันกับทวิตเตอร์ ผู้ใช้งานชาวจีนรายหนึ่งระบุว่า ดาวเทียมของสตาร์ลิงก์เป็นแค่กองขยะอวกาศกองหนึ่ง ขณะที่ผู้ใช้งานรายอื่น ๆ โพสต์ว่า ดาวเทียมเป็นอาวุธสงครามอวกาศของสหรัฐ และมัสก์ก็เป็นอาวุธใหม่ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลและกองทัพสหรัฐ ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์หลายรายได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการชนกันในอวกาศ และเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับดาวเทียมราว 30,000 ดวง รวมถึงซากขยะอวกาศอื่น ๆ ที่โคจรรอบโลก ทั้งนี้ สเปซเอ็กซ์ได้ปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเกือบ 1,900 ดวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสตาร์ลิงก์และวางแผนส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศอีกกว่าหลายพันดวง. -สำนักข่าวไทย

จีนล็อกดาวน์เพิ่มอีกหวังคุมโควิดที่สูงสุดในรอบ 21 เดือน

เหยียนอัน 28 ธ.ค.- จีนปิดธุรกิจและให้ชาวเมืองหลายแสนคนในอำเภอหนึ่งของเมืองเหยียนอันอยู่แต่ในบ้าน หลังจากยอดผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 21 เดือนในวันนี้ เมืองเหยียนอันอยู่ในมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ทางการสั่งปิดธุรกิจและให้ประชาชนหลายแสนคนในอำเภอหนึ่งอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อที่โยงมาจากเมืองซีอาน ซึ่งอยู่ห่างออกไป 300 กิโลเมตร และอยู่ในมณฑลเดียวกัน ขณะที่ยอดติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศในวันนี้อยู่ที่ 209 คน สูงที่สุดครั้งใหม่นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ขณะนี้ชาวเมืองซีอาน 13 ล้านคนอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นวันที่ 6 แล้ว เป็นการปิดเมืองคล้ายกับที่เคยใช้กับเมืองอู่อั่น ทางตอนกลางของประเทศระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2563 สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) ของทางการรายงานว่า เมืองซีอานตั้งศูนย์ตรวจหาเชื้อมากกว่า 4,400 แห่ง ใช้คนตรวจหาเชื้อรอบล่าสุดมากกว่า 100,000 คน ด้านชาวเมืองซีอานจำนวนมากร้องขออาหารและสิ่งจำเป็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากทางการกำหนดให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนออกไปซื้อของชำทุก 3 วันได้เพียง 1 คน พวกเขากำลังจะอดตาย และไม่ได้รับอาหารช่วยเหลือตามที่ทางการยืนยันว่ามีอาหารมากเพียงพอ.-สำนักข่าวไทย

1 139 140 141 142 143 315