ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนักในวันคริสต์มาส ตาย 2 ราย

มะนิลา 26 ธ.ค. – หลายพื้นที่บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ประสบภัยน้ำท่วมหนักในวันคริสต์มาส จนทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนเกือบ 46,000 คนออกจากพื้นที่ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่บนเกาะมินดาเนาเผยว่า เหตุน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักในวันคริสต์มาสทำให้ต้องอพยพยประชาชนเกือบ 46,000 คนออกจากพื้นที่ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายในเมืองจิเมเนซ และผู้สูญหายอีก 9 คน ขณะนี้ หลายพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงถึงระดับอก แต่วันนี้มีฝนตกน้อยลงแล้ว ขณะที่หน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนกว่า 20 คนที่เมืองโอซามิซและเมืองคลาริน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงบนเกาะมินดาเนา ทั้งยังระบุว่า มีเรือประมง 1 ลำล่มในทะเลนอกชายฝั่งเกาะเลย์เต ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ เนื่องจากเผชิญกับคลื่นลมแรงในวันคริสต์มาส จนทำให้มีลูกเรือเสียชีวิต 2 ราย และช่วยชีวิตลูกเรือได้ 6 คน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พื้นที่ทางตอนกลางและตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ กำลังเผชิญกับสภาพอากาศย่ำแย่ในขณะที่ชาวฟิลิปปินส์เข้าสู่เทศกาลวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาส ซึ่งมีประชาชนหลายล้านคนเดินทางกลับบ้านเกิดไปพบปะและเฉลิมฉลองกับครอบครัว. -สำนักข่าวไทย

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระราชทานพรวันคริสต์มาสครั้งแรก

ลอนดอน 26 ธ.ค. – สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ พระราชทานพรเนื่องในวันคริสต์มาสเป็นครั้งแรก โดยทรงแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่เผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพ และทรงรำลึกถึงการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสในคลิปวิดีโอที่ได้รับการบันทึกที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ (St George’s Chapel) ในพระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเคยพระราชทานพรวันคริสต์มาสในปี 2542 ว่า พระองค์ทรงชื่นชมอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่องค์กรการกุศล เจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพ ชุมชนศาสนา และบุคคลอีกเป็นจำนวนมาก ที่บริจาคอาหารหรือสละเวลาส่วนตนไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบปัญหาวิกฤตทางการเงิน และทรงยกย่องเจ้าหน้าที่กองทัพและเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินว่าเป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวมและปฏิบัติงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ชาวอังกฤษทุกคนปลอดภัย สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังตรัสขอบคุณพสกนิกรอังกฤษสำหรับความรักและความห่วงใยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงระบุว่า คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เนื่องจากต้องรับรู้ว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มาฉลองร่วมกันในวันนี้อีกแล้ว แต่ยังคงอยู่ในความทรงจำที่มีร่วมกันตลอดไป ทั้งยังตรัสว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีศรัทธาในพสกนิกรอังกฤษ และทรงมีความเชื่อตามหลักศาสนาคริสต์ว่า พลังแห่งแสงสว่างจะเอาชนะความมืดมนอนธกาลทั้งหลายได้. -สำนักข่าวไทย

พายุหิมะถล่มสหรัฐ-แคนาดา ตายเพิ่มเป็น 38 ราย

นิวยอร์ก 26 ธ.ค. – พายุหิมะและสภาพอากาศเย็นสุดขั้วในสหรัฐและแคนาดา ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 38 ราย ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตในสหรัฐมากถึง 34 ราย เจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 34 รายที่เชื่อมโยงกับพายุหิมะและสภาพอากาศเย็นสุดขั้ว โดยที่เมืองบัฟฟาโล เมืองใหญ่อันดับสองของรัฐนิวยอร์ก เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของแคนาดาระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากอุบัติเหตุรถบัสพลิกคว่ำขณะแล่นอยู่บนถนนที่มีหิมะปกคลุมใกล้เมืองเมอร์ริตต์ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ทางตะวันตกของแคนาดา ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ขณะนี้ มีประชาชนในสหรัฐไม่ถึง 200,000 คนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับนับถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่มีราว 1.7 ล้านคน นอกจากนี้ สหรัฐยังจำเป็นต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว เนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ จนทำให้มีชาวอเมริกันจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปพบปะกับครอบครัวในวันคริสต์มาส ขณะนี้ มีประชาชนอเมริกันกว่า 55 ล้านคนที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ประกาศเตือนภัยหนาวสุดขั้วเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งนี้ สหรัฐกับแคนาดากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์จากมวลอากาศเย็นทางเหนือทำให้ความกดอากาศลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ไซโคลนระเบิด’ (bomb cyclone) ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดพายุหิมะและลมหนาวรุนแรงในครั้งนี้. -สำนักข่าวไทย

คุณยายชาวเวลส์คิดเงินค่าจัดเลี้ยงคริสต์มาสในครอบครัว

คาร์ดิฟฟ์ 23 ธ.ค. – คุณยายชาวเวลส์ในสหราชอาณาจักรออกไอเดียเก็บเงินค่าจัดงานเลี้ยงรับประทานอาหารในครอบครัวเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสเพื่อลดต้นทุนค่าอาหารที่เธอต้องเป็นคนออกเองมาโดยตลอด แคโรไลน์ ดัดดริดจ์ คุณยาย วัย 63 ปี ชาวเมืองคาร์ดิฟฟ์ในเวลส์ของสหราชอาณาจักร เผยว่า เธอตัดสินใจเก็บเงินค่าอาหารลูกชายวัยผู้ใหญ่ 2 คน คนละ 15 ปอนด์ (ราว 630 บาท) ลูกสาววัยผู้ใหญ่ 3 คน คนละ 10 ปอนด์ (ราว 420 บาท) และหลานวัยเด็ก 4 คน คนละ 2.5 ปอนด์ (ราว 100 บาท) เพื่อลดต้นทุนในการทำอาหารในเทศกาลวันคริสต์มาส อย่างไรก็ดี มีคนส่วนน้อยคิดว่าเธอทำตัวเหมือน ‘สครูจ’ (Scrooge) ตัวละครชายผู้เลือดเย็นจอมละโมบจากนิยายคลาสสิคเรื่อง ‘อะคริสต์มาสแครอล’ (A Christmas Carol) แต่เพื่อนหลายคนบอกว่าไอเดียนี้เป็นความคิดที่ดี เนื่องจากทุกคนกำลังเผชิญกับปัญหาราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในสหราชอาณาจักร ดัดดริดจ์ยังระบุว่า เธอได้ความคิดนี้หลังจากที่สามีเสียชีวิตในปี 2558 […]

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ตกนอกฝั่งตะวันออก

เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ระบุว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก จากพื้นที่เขตซูนันในกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ ไปตกนอกชายฝั่งทะเลตะวันออก

จีนชี้สหรัฐต้องหยุดขัดขวาง-กลั่นแกล้งจีน

ปักกิ่ง 23 ธ.ค. – นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า สหรัฐต้องหยุดขัดขวางการพัฒนาของจีน และไม่ควรใช้วิธีกลั่นแกล้งจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบเดิม ๆ อีกต่อไป นายหวังกล่าวในระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐในวันนี้ว่า สหรัฐต้องให้ความสนใจกับข้อกังวลตามกฎหมายของจีน หยุดควบคุมและขัดขวางการพัฒนา และเลิกใช้วิธีกลั่นแกล้งจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบเดิม ๆ อีกต่อไป ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า นายหวังได้เน้นย้ำให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามฉันทามติที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงกันไว้ที่งานประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายน เพื่อนำมาปรับใช้เป็นนโยบายและลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศผ่านคณะทำงานร่วม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายหวังเป็นการเน้นย้ำถึงการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีสีกับประธานาธิบดีไบเดนที่งานประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งต่าง ๆ เช่น ไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของผู้นำสองประเทศนับตั้งแต่ปี 2560 โดยประธานาธิบดีไบเดนได้แสดงท่าทีคัดค้านจีนที่ใช้การกระทำที่บีบบังคับและก้าวร้าวมากขึ้นต่อไต้หวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสงบสุขและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคใกล้เคียง ในขณะที่ประธานาธิบดีสีระบุว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเส้นตายที่ไม่ควรก้าวข้ามในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน.-สำนักข่าวไทย

เที่ยวบิน “แควนตัส” ลงจอดฉุกเฉินที่อาเซอร์ไบจาน

บากู 23 ธ.ค. – เที่ยวบินของสายการบินแควนตัส ซึ่งออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปยังกรุงลอนดอนของอังกฤษ จำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินที่กรุงบากูในอาเซอร์ไบจานในวันนี้ หลังอุปกรณ์ชี้วัดความผิดพร่องในห้องนักบินตรวจพบเหตุผิดปกติ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า เที่ยวบิน QF1 ของสายการบินแควนตัส ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของออสเตรเลีย ได้ลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงบากูของอาเซอร์ไบจานอย่างปลอดภัย หลังนักบินในเที่ยวบินดังกล่าวได้ส่งรหัสแจ้งเหตุฉุกเฉินบนเครื่องบินถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ขณะที่ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามสถานะเที่ยวบินระบุว่า เที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งใช้เครื่องบินแอร์บัส เอ380 ได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติชางงีของสิงคโปร์มุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอนและปฏิบัติการบินได้ราว 9 ชั่วโมงก่อนที่จะหันหัวกลับ โดยที่นักบินได้ส่งรหัสแจ้งเหตุฉุกเฉินเมื่อบินอยู่เหนือน่านฟ้าจอร์เจีย ท่าอากาศยานในกรุงบากูของอาเซอร์ไบจานระบุในแถลงการณ์ว่า เที่ยวบินดังกล่าวได้แจ้งเหตุขอลงจอดฉุกเฉินเนื่องจากตรวจพบควันไฟในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่อง แต่ไม่มีลูกเรือหรือผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ เครื่องบินลำนี้ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานในกรุงบากูอย่างปลอดภัยเมื่อเวลา 07.08 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 10.08 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยที่มีผู้โดยสาร 356 คนอยู่บนเครื่อง ในขณะเดียวกัน โฆษกของสายการบินแควนตัสระบุว่า เที่ยวบิน QF1 จำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานในกรุงบากูของอาเซอร์ไบจานหลังอุปกรณ์ชี้วัดความผิดพร่องในห้องนักบินตรวจพบเหตุผิดปกติ โดยที่ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานของสายการบินฯ จะตรวจสอบเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนนำเครื่องขึ้นบินสู่จุดหมายปลายทางอีกครั้ง อย่างไรก็ดี โฆษกคนดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดควันไฟขึ้นในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องตามแถลงการณ์ของท่าอากาศยานในกรุงบากูของอาเซอร์ไบจานจริงหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ฟีฟ่าสอบกรณี “ซอลต์เบ” ลงสนามหลังรอบชิงฯ ฟุตบอลโลก

ซูริค 23 ธ.ค. – สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เดินหน้าสอบสวนกรณีที่ นุสเร็ต โกเช หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ซอลต์เบ’ เชฟชื่อดังชาวตุรกี เดินลงไปในสนามในระหว่างที่ทีมชาติอาร์เจนตินากำลังฉลองแชมป์ฟุตบอลโลก หรือเวิลด์คัพ 2022 ที่กรุงโดฮาของกาตาร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อย่างไร ฟีฟ่าระบุในแถลงการณ์ว่า ฟีฟ่ากำลังตรวจสอบว่าเพราะเหตุใดบุคคลบางกลุ่มจึงสามารถลงไปในสนามได้หลังเสร็จสิ้นพิธีปิดการแข่งขันที่สนามลูซาอิล สเตเดียมเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. โดยจะเปิดการสอบสวนเป็นการภายในต่อไป ข้อมูลตามกฎระเบียบของฟีฟ่าระบุว่า ฟีฟ่าจะอนุญาตให้บุคคลบางกลุ่มได้สัมผัสถ้วยฟุตบอลโลกเท่านั้น เช่น ทีมผู้ชนะและเจ้าหน้าที่ของฟีฟ่า หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า โกเช ซึ่งเป็นเจ้าของร้านสเต็กสุดหรูและโด่งดังในโลกอินเทอร์เน็ตจากท่าโรยเกลือและเครื่องเทศ ได้เดินลงไปในสนามเพื่อจับมือ จูบแก้ม ทำท่าโรยเกลือใส่ถ้วยฟุตบอลโลก และทำตัวยุ่มย่ามใส่นักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาหลายคนในระหว่างพิธีฉลองชัยชนะเหนือฝรั่งเศส ทั้งยังระบุว่า โกเชได้พยายามเข้าไปทักทายลีโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาและนักเตะชื่อดังหลังจบการแข่งขันก่อนโพสต์ภาพดังกล่าวลงในบัญชีผู้ใช้งานส่วนตัวบนอินสตาแกรม โกเช ซึ่งเป็นเจ้าของร้านสเต็กสุดหรูที่มีสาขาในหลายเมืองใหญ่ของโลก เช่น กรุงลอนดอนของอังกฤษ นครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนครนิวยอร์กของสหรัฐ กลายเป็นกระแสไวรัลที่มีผู้คนพูดถึงอย่างมากในปี 2560 หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเทคนิคการโรยเกลือและเครื่องเทศบนสเต็กต่อหน้าลูกค้า นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีคนดังระดับโลกหลายคนเดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านของโกเช เช่น เดวิด เบ็คแคม ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร […]

เกาหลีเหนือปฏิเสธข่าวส่งอาวุธให้แก่รัสเซีย

เปียงยาง 23 ธ.ค. – เกาหลีเหนือระบุว่า รายงานข่าวที่อ้างว่าเกาหลีเหนือจัดส่งอาวุธให้แก่รัสเซียนั้นไม่เป็นความจริงและเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน พร้อมตำหนิสหรัฐที่ส่งอาวุธร้ายแรงให้แก่ยูเครน สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานอ้างคำพูดของโฆษกกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีเหนือที่ระบุว่า รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์โตเกียวชิมบุนของญี่ปุ่นที่ระบุว่าเกาหลีเหนือส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่รัสเซียนั้นไม่ใช่เรื่องจริง และเป็นเพียงการเบี่ยงเบนประเด็นอย่างไร้สาระ ซึ่งไม่ควรค่าแก่การให้ความเห็นหรือชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกาหลีเหนือยืนยันหนักแน่นว่าไม่เคยทำข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับรัสเซีย และตำหนิสหรัฐว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการนองเลือดและการทำลายล้างในยูเครนด้วยการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์หลายชนิดให้แก่ยูเครน ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์โตเกียวชิมบุนของญี่ปุ่นรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น กระสุนปืนใหญ่ ให้แก่รัสเซียผ่านทางรถไฟที่บริเวณพรมแดนของทั้งสองประเทศในเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าจะส่งอาวุธเพิ่มให้ในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของสหรัฐเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เกาหลีเหนือได้เสร็จสิ้นการส่งอาวุธในขั้นต้นให้แก่แวกเนอร์ กรุ๊ป บริษัทกองกำลังเอกชนของรัสเซีย เพื่อช่วยกองทัพรัสเซียในการทำสงครามยูเครน โดยที่แวกเนอร์ได้รับมอบจรวดและขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี นายเยฟเกนี พริโกซิน เจ้าของบริษัทแวกเนอร์ ได้ออกมาระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเผชิญ ‘ไซโคลนระเบิด’ กระทบเดินทางช่วงคริสต์มาส

วอชิงตัน 23 ธ.ค. – สหรัฐเผชิญกับปรากฏการณ์จากมวลอากาศเย็นทางเหนือ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ไซโคลนระเบิด’ (bomb cyclone) จนทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 4,500 เที่ยวในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่คาดว่าจะมีอุณหภูมิต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐ สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NWS) แจ้งว่า ไซโคลนระเบิดได้ก่อตัวขึ้นที่บริเวณหมู่ทะเลสาบทั้งห้าในทวีปอเมริกาเหนือ หรือเกรตเลกส์ เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น อิทธิพลของไซโคลนลูกนี้จะทำให้มีหิมะตกสูง 1.25 เซนติเมตรต่อชั่วโมง และมีความเร็วลมสูงสุดถึง 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในภูมิภาคมิดเวสต์ตอนบนไปจนถึงภูมิภาคนอร์ทอีสต์ตอนในของสหรัฐ รวมถึงพายุหิมะและทัศนวิสัยเกือบเป็นศูนย์ ภูมิภาคไฮเพลนส์ (High Plains) ภูมิภาคนอร์เทิร์น ร็อกกีส์ (northern Rockies) และภูมิภาคเกรทเบซิน (Great Basin) อาจมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -40 องศาเซลเซียสที่ทำให้เกิดภาวะผิวหนังถูกทำลายจากความเย็นจัดได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งยังระบุว่า ไซโคลนลูกนี้อาจทำให้เกิดไฟดับและอุปสรรคต่อการเดินทางอีกด้วย ทั้งนี้ สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐยังได้ประกาศเตือนภัยหนาวในอีกหลายรัฐของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 200 ล้านคน และมีหลายพื้นที่ของภูมิภาคมิด-แอนแลนติกกับไฮเพลนส์ที่อาจมีอุณหภูมิใกล้สถิติต่ำสุด ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวที่ทำเนียบขาวสหรัฐว่า ไซโคลนระเบิดเป็นปรากฏการณ์ที่อันตรายและเป็นภัยต่อชีวิต พร้อมทั้งเตือนให้ประชาชนอย่าชะล่าใจและรีบออกเดินทางไปยังจุดหมายในวันนี้ทันที ขณะที่ข้อมูลจากไฟลต์อะแวร์ […]

ผู้คิดค้นเมนู “ไก่ทิกกามาซาลา” เสียชีวิตด้วยวัย 77 ปี

กลาสโกว์ 22 ธ.ค. – อาห์เมด อัสลัม อาลี เชฟจากเมืองกลาสโกว์ในสกอตแลนด์ ผู้อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นเมนู ‘ชิคเกน ทิกกา มาซาลา’ (chicken tikka masala) หรือไก่ทิกกามาซาลา ซึ่งเป็นเมนูแกงไก่บาร์บีคิวชื่อดัง เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 77 ปี อันด์ลีบ อาห์เมด หลานชายของอาลี เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า อาลี ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเมนูไก่ทิกกามาซาลาโดยนำซอสมะเขือเทศกระป๋องมาปรุงใหม่เพื่อขายในร้านอาหารของตัวเองในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 1970 ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 77 ปีเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ ทั้งยังระบุว่า อาลี ผู้เป็นลุง มีนิสัยรักความสมบูรณ์แบบและมีความกระตือรือร้นสูง เขาเคยไปเยี่ยมอาลีที่ล้มป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันคริสต์มาสปีก่อน อาลีบอกว่า เขาควรกลับไปทำงานได้แล้วทั้งที่เขาเพิ่งมาเยี่ยมไข้ได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น อาลีเคยให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในปี 2552 ว่า เขาคิดค้นเมนูไก่ทิกกามาซาลาหลังมีลูกค้าคนหนึ่งติงว่า เมนูชิกเกนทิกกา หรือไก่บาร์บีคิว นั้นแห้งจนเกินไป เขาจึงคิดว่าควรเสิร์ฟไก่บาร์บีคิวพร้อมซอสบางอย่างที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ต ครีม และเครื่องเทศ ซึ่งเป็นการเสิร์ฟแกงกะหรี่แบบเย็นตามรสนิยมของลูกค้าที่เป็นชาวตะวันตก จนกระทั่งเมนูไก่ทิกกามาซาลากลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในร้านอาหารทั่วอังกฤษ ก่อนหน้านี้ นายโรบิน คุก อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษเคยกล่าวในปี […]

เกาหลีใต้-สหรัฐ เล็งซ้อมรบกระสุนจริงปีหน้า

เกาหลีใต้กับสหรัฐกำลังพิจารณาซ้อมรบใหญ่ร่วมกันโดยใช้กระสุนจริงในปีหน้า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ท่ามกลางภัยคุกคามทางทหารที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือ

1 12 13 14 15 16 315