กรุงเทพฯ 28 ก.ค.-อธิบดีกรมชลประทานเผย ปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว ตั้งแต่เย็นวันนี้ หลังสถานการณ์น้ำทางตอนบนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการระบายน้ำจากฝนที่ตกในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล กำชับให้สถานีสูบน้ำเร่งระบายออกทะเลทุกเส้นทางเพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันนี้ (28 ก.ค.) กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเนื่องจากน้ำทางตอนบนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันปริมาณน้ำที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 1,154 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 5.61 เมตร แนวโน้มลดลง ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา จ. ชัยนาท ได้ปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเหลืออัตรา 1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงในระยะต่อไป
ส่วนที่มีฝนตกลงมาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ย้ำให้สำนักงานชลประทานที่ 11 เร่งระบายน้ำออกทะเลเพื่อบรรเทาน้ำที่อาจท่วมขัง ด้วยการสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ ผ่านสถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์และสถานีสูบน้ำหนองจอก แล้วเร่งระบายน้ำลงสู่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ก่อนจะระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และทะเลอ่าวไทยตามลำดับ โดยจะควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนเส้นทางระบายน้ำอีกเส้นทางหนึ่งคือ ใช้สถานีสูบน้ำที่อยู่ริมคลองชายทะเลเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยเพื่อให้สถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ในช่วงปลายฤดูฝนนี้ ได้ย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศจะบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตรวจสอบความมั่นคงและความพร้อมของอาคารชลประทาน ประตูระบายน้ำ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือพร้อมช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์น้ำให้รับรู้รับทราบอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผน สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย