กรุงเทพฯ 26 ก.ค.- อธิบดีกรมชลประทาน เผยระดับแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นจากการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม ย้ำบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน เฝ้าระวังต่อเนื่องจากฝนตกหนักอีกระลอก 29-31 ก.ค. นี้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง หลังเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพราะเกิดฝนตกหนักระหว่างวันที่ 20-24 กรกฎาคม บริเวณลุ่มน้ำน่านและลำน้ำสาขา รวมถึงแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำป่าสัก โดยคาดการณ์ว่าวันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.) จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีC.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ประมาณ 900 – 1,000 ลบ.ม./วินาที และน้ำแม่น้ำสะเเกกรังซึ่งไหลผ่านสถานี Ct.19 จะมีปริมาณ 150 ลบ.ม./วินาที แล้วไหลมารวมกันลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราประมาณ 1,050 – 1,150 ลบ.ม./วินาที ทำให้กรมชลประทานต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 850-1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้น
สำหรับวันนี้อัตราการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทอยู่ที่ 998 ลบ.ม./วินาที พื้นที่ท้ายเขื่อนที่เริ่มได้รับผลกระทบเป็นที่แรกคือ ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมาก ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นมาประมาณ 1 เมตร ใกล้ล้นตลิ่งเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ส่วนบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จะเริ่มได้รับผลกระทบในอีก 2 วันข้างหน้า พร้อมย้ำว่าจะบริหารจัดการไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ชุมชน
ขณะนี้ได้รับน้ำส่วนหนึ่งเข้าสู่ระบบชลประทาน 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยารวม 324 ลบ.ม./วินาที อีกส่วนหนึ่งระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาโดยควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 1,000 ลบ.ม./วินาที อย่างเต็มศักยภาพ ก่อนหน้านี้ได้ประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างใกล้ชิดได้แก่ จ.อุทัยธานี ชัยนาทสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนบริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยาเช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย
นายประพิศ กล่าวต่อว่า ระยะนี้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกฟ้าคะนองบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 29-31 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ หากมีฝนตกลงมาเพิ่มและทำให้น้ำเหนือมีปริมาณเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาทีจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 42,776 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 33,308 ล้าน ลบ.ม. ส่วน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,274 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 14,597 ล้าน ลบ.ม.
ขณะนี้กำชับให้โครงการชลประทานและสำนักเครื่องจักรกลในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิด บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ติดตามข้อมูลผ่านระบบโทรมาตรมาช่วยในการแจ้งเตือนประชาชนก่อนการระบายน้ำ ตรวจสอบอาคารชลประทาน ประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การระบายน้ำทำได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 ทั้ง13 มาตรการที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำชับว่า ต้องลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย