กรุงเทพฯ 25 ก.ค.- กรมชลประทานออกประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคกลางเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนช่วงก่อนหน้านี้ คาดจะส่งผลให้ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น 0.60-0.80 เมตร ย้ำจะควบคุมการระบายอย่างเต็มศักยภาพเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า จากฝนที่ตกหนักระหว่างวันที่ 20-24 กรกฎาคมบริเวณลุ่มน้ำน่านและลำน้ำสาขา รวมถึงแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำป่าสักทำให้กรมชลประทาน คาดการณ์ว่า ในวันที่ 27 กรกฎาคมจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 900–1,000 ลบ.ม./วินาที และน้ำแม่น้ำสะเเกกรังซึ่งไหลผ่านสถานี Ct.19 จะมีปริมาณ 150 ลบ.ม./วินาที แล้วไหลมารวมกันลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราประมาณ 1,050–1,150 ลบ.ม./วินาที
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 850–1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.60–0.80 เมตรบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ริมแม่น้ำน้อยในตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิดและท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
นายประพิศกล่าวว่า กรมชลประทานได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนบริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในระยะนี้ พร้อมย้ำว่า กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ โดยหากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาทีจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย