กรุงเทพฯ 26 พ.ค.- รมช.มนัญญาปล่อยขบวนส่งสารวัตรเกษตรและอาสาสมัคร 1,800 คนออกปฏิบัติงานทั่วประเทศ เดินหน้าตรวจสกัดร้านค้าปุ๋ย–ยา ปลอมก่อนฤดูการเพาะปลูก ย้ำสารวัตรเกษตรต้องพลิกโฉมและก้าวสู่มิติใหม่ โดยสามารถแนะนำให้ความรู้ด้านปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพแก่เกษตรกรได้ด้วย
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนสารวัตรเกษตรของกรมวิชาการเกษตรออกปฏิบัติงานควบคุมปัจจัยการผลิตให้มีคุณภาพรับฤดูกาลผลิตใหม่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี โดยระบุว่า การส่งเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรออกปฏิบัติงานครั้งนี้เพื่อตรวจสอบโรงงานผลิตปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช และสารเคมีทางการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเข้มงวด หวังให้เกษตรกรได้ใช้ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพตรงตามที่ได้มีการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรไว้ ตลอดจนรณรงค์ให้ผู้ประกอบการผลิตปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ
พร้อมกันนี้ให้นโยบายว่า สารวัตรเกษตรในยุคนี้ต้องพลิกโฉมการปฏิบัติหน้าที่จากรูปแบบเดิม โดยต้องให้คำแนะนำแก่เกษตรกรให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ต้องทำให้เกษตรกรอยากเข้าหาขอความรู้ คำแนะนำต่างๆ และขอฝากเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรทั่วประเทศให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ร่วมใจกันออกตรวจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรต้องรับผิดชอบกำกับดูแลงานตามพ.ร.บ. ต่างๆ ถึง 6 ฉบับ สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมี 11 จังหวัดได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ มุกดาหาร สกลนคร นครพนม หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ เลย และอุดรธานี แต่มีร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรกว่า 6,000 ร้านค้า มีพนักงานเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรในเขตพื้นที่นี้เพียง 43 คน กลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จึงริเริ่มโครงการสารวัตรเกษตรอาสา ซึ่งเป็นการนำผู้นำชุมชน เกษตรกร และภาคส่วนต่างๆ มารับการอบรม และร่วมเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแส เพื่อให้สามารถกำกับดูแลงานด้านนี้ ได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันมีสารวัตรเกษตรอาสาใน 11 จังหวัดนี้ รวม 1,813 คน กรมวิชาการเกษตรจึงได้ขยายโครงการนี้ให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรในสังกัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ในปี 2564 กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจตามเบาะแสของข้อร้องเรียน สำหรับผู้ประกอบการที่ขออนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติปุ๋ย วัตถุอันตรายและพันธุ์พืช สามารถมีการจับกุมและดำเนินคดีข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ย. 64 รวม 4 จังหวัด 4 คดี รวมมูลค่า 5,770 250 บาท และในปี 2563 จำนวน 6 จังหวัด 15 คดี มูลค่า 51 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย