ตรัง 11 ก.พ. – เกษตรกรชาว อ.นาโยง จ.ตรัง ผุดไอเดียปลูกกะหล่ำปลีและพริกไทยในตะกร้าพลาสติก ยกหนีน้ำท่วมและภัยแล้ง ประดับตกแต่งอาคารสถานที่ กินได้ ขายคล่อง ผลตอบรับดีเกินคาด ขณะที่พริกไทยในตะกร้า ต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า คิวยาวถึงเดือน พ.ค.
นายมณี นิลลออ อายุ 50 ปี ใช้พื้นที่ว่างข้างบ้าน เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ในพื้นที่ ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ปลูกผักอินทรีย์ และกะหล่ำปลีปลอดสาร มานานเกือบ 2 ปีแล้ว พร้อมผสมดิน ทำปุ๋ยหมักและสมุนไพรไล่แมลงเองทั้งหมด เพื่อให้ครอบครัวและผู้บริโภคปลอดภัย 100% โดยนายมณี จบแค่ชั้นมัธยมปลาย แต่อาศัยการศึกษาเรียนรู้ การลองผิดลองถูก จนสามารถปลูกผักทุกชนิดปลอดสาร และงดงามได้ทุกฤดูกาล
ต่อมา นายมณี ผุดไอเดียปลูกกะหล่ำปลีลงดิน เพื่อส่งแม่ค้าส่วนหนึ่ง และปลูกในตะกร้าพลาสติกขึ้นส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าเลือกนำไปตัดใบหรือหัวมาประกอบอาหาร มากน้อยตามความต้องการบริโภคในแต่ละวัน ซึ่งนอกจากจะคงความสดใหม่แบบไม่ต้องเข้าตู้เย็นแล้ว ยังประหยัดเนื้อที่ สามารถเก็บไว้ตกแต่งบ้านได้อีกหลายวัน โดยมีการแตกแขนงออกมาให้เก็บไปต้มยำทำแกงได้อีกหลายมื้อ นอกจากนี้ ยังซื้อไปประดับอาคารสถานที่ สร้างความสวยงามและมีประโยชน์ทางโภชนาการสูง ไม่มีปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง หรือภัยธรรมชาติ เพราะสามารถขนย้ายได้ตามความต้องการของลูกค้า ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ ตั้งแต่หัวละ 2-3 กิโลกรัม สนนราคาขายอยู่ที่ตะกร้าละ 150 บาท ซึ่งแต่ละเดือนมีกะหล่ำปลีไม่ต่ำกว่า 100 ตะกร้า แต่ขายหมดแทบไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนในตะกร้าพลาสติก โดยใช้หลักการและเหตุผลเดียวกับการปลูกกะหล่ำปลี ราคาขายอยู่ที่ตะกร้าละ 300-1,000 บาท อายุตั้งแต่ 5 เดือน – 1 ปีครึ่ง ซึ่งทุกตะกร้าสามารถเก็บเมล็ดพริกไทยนำไปเป็นอาหารได้แล้ว โดยพริกไทยสด ขายกิโลกรัมละ 150 บาท ส่วนพริกไทยตากแห้ง ขายกิโลกรัมละ 350 บาท ซึ่งต้นพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอมและมันกว่าพริกไทยทั่วไป จะต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า เพราะมีคิวยาวถึงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยสร้างรายได้สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท เลยทีเดียว
นอกจากนี้ นายมณี ยังปลูกบอนสี รวมทั้งพืชผักสวนครัวต่างๆ ไว้รอบบ้าน จนกลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงระดับตำบล. – สำนักข่าวไทย