กรุงเทพฯ 19 พ.ย. -กรมชลประทานพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางนราและแม่น้ำโก-ลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 17 เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ตามที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ออกประกาศ เรื่อง “เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งลุ่มแม่น้ำโก-ลก และลุ่มน้ำบางนรา” เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่อง
ขณะนี้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ (HYDRO FLOW) ไปแล้ว 6 แห่ง จากแผน 24 แห่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายภาคแดนใต้เช่น ในพื้นที่อำเภอเมือง บริเวณคลองยะกัง ซึ่งจะช่วยเหลือครอบคลุมในเขตศูนย์ราชการจังหวัดนราธิวาส และเทศบาลเมืองนราธิวาส รวมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่องเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ส่วนจุดอื่นๆอีก 4 แห่ง เช่นที่ คลองลานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ( HYDRO FLOW ) 5 เครื่อง ที่ฟาร์มบ้านรอตันบาตู 2 เครื่อง และที่ปิเหล็ง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่บ้านโคกสะตอ
นอกจากนี้ได้พร่องน้ำในลุ่มน้ำสายหลักในเขตชลประทานให้เหลือ 50 % ของลำน้ำ เพื่อรับน้ำหากมีฝนตกลงมาเพิ่มก็จะสามารถเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ ตลอดจนเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือเช่น เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งมีการตรวจสอบการเดินเครื่องทุกแห่ง และสามารถใช้งานได้ทุกแห่ง
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า ได้กำชับให้ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำในลำน้ำ/แม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น – ลงของระดับน้ำทะเล ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ ทันที ตลอดจนประสานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์.- สำนักข่าวไทย