กรุงเทพฯ 20 ก.พ. – รมว.เกษตรฯ สั่งเลขาธิการ ส.ป.ก. กำหนดพื้นที่กันชนบริเวณแนวเชื่อมต่อระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์ โดยไม่จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรเข้าทำกิน แต่อาจให้ทำเป็นป่าชุมชน ลดปัญหาการรุกป่าอนุรักษ์และความเสียหายจากการที่สัตว์ป่าเข้าทำลายพืชผล เตรียมหารือในที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สั่งการให้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กำหนดพื้นที่กันชนหรือ buffer zone บริเวณรอยต่อเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของส.ป.ก. กับป่าอนุรักษ์ทั้งในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงกรมป่าไม้
สำหรับพื้นที่กันชนจะไม่จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรเข้าทำกิน โดยอาจสงวนไว้ให้เป็นป่าชุมชนหรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสมตามที่ได้ให้นโยบายแก่ส.ป.ก. ในการเพิ่มต้นไม้ในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ผ่านมาส.ป.ก. ปลูกป่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 45,000 ไร่ต่อปี
แนวทางดังกล่าว มีประโยชน์ทั้งเพื่อลดปัญหาการทับซ้อนของแนวเขตที่ดินของรัฐ ป้องกันไม่ให้เกษตรกรที่อยู่ตามแนวเขตปฏิรูปที่ดินรุกเข้าไปในป่าอนุรักษ์ ขณะเดียวกันลดปัญหาสัตว์ป่าออกจากป่าอนุรักษ์มาทำลายพืชผลของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
ขณะนี้สั่งให้ส.ป.ก. ชะลอการอนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณที่แนวเขตอาจทับซ้อนกับป่าอนุรักษ์ แล้วจะหาพื้นที่ใหม่ให้เกษตรกร ไม่ใช่เฉพาะในตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาที่มีปัญหาอยู่ แต่จะทำทั่วประเทศ โดยให้เลขาธิการส.ป.ก. เตรียมนำเรื่องพื้นที่กันชนเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งจะได้มีมติและออกเป็นระเบียบปฏิบัติต่อไป สำหรับการขับเคลื่อนการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) รัฐบาลมอบหมายให้กรมแผนที่ทหารดำเนินการ ในฐานะที่ตนเป็นรองประธานคทช. จะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว ปัจจุบันดำเนินการเรียบร้อยแล้ว 33 จังหวัด รอเข้าสู่ที่ประชุมครม. 11 จังหวัด คงเหลืออีก 33 จังหวัดซึ่งมีความซับซ้อน แต่หากแล้วเสร็จทั่วประเทศ จะทำให้การบริหารจัดการที่ดินของรัฐมีประสิทธิภาพและลดข้อขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน.