กรุงเทพฯ 11 ต.ค.-รองอธิบดีกรมปศุสัตว์สั่งการสารวัตรปศุสัตว์และด่านกักกันสัตว์ทั่วประเทศให้คุมเข้มการนำเข้า-ส่งออก-นำผ่านสินค้าปศุสัตว์เพื่อปราบปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายสุกรเถื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันโรคระบาดจากสัตว์และซากสัตว์ ตลอดจนป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และผู้ประกอบการ
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมปศุสัตว์เรียกประชุมกองสารวัตรและกักกัน รวมถึงหัวหน้าด่านกักกันสัตว์ทั่วประเทศเพื่อกำชับนโยบายและซักซ้อมแนวทางการควบคุมและตรวจสอบการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน สัตว์และซากสัตว์ซึ่งราชอาณาจักร เพื่อปราบปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายสุกรเถื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่องตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำมาโดยตลอด โดยต้องการไม่ให้มีการลักลอบค้าเนื้อสุกรเถื่อนซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และผู้ประกอบการ
สำหรับการประชุมครั้งนี้ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์มีข้อสั่งการเร่งด่วน 4 ข้อหลักดังนี้
1. เดินหน้าปราบปรามสุกรเถื่อน เข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ โดยเฉพาะสุกรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากหากเกิดโรคขึ้นจะมีผลต่อวงการปศุสัตว์ทั้งระบบ รวมไปถึงเกษตรกรที่ปลูกพืชสำหรับเป็นอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์
2. เตรียมพร้อมในการควบคุมโรคระบาดต่างๆ ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เกิดการเเพร่กระจายของโรค
3. เข้มงวดตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์นำเข้า รวมถึงการตรวจเครื่องหมายประจำตัวซากสัตว์ให้ตรงกับการอนุญาตและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
พร้อมกันนี้ยังสั่งการให้เข้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย โดยให้ด่านกักกันสัตว์เตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอกสัตว์เคลื่อนที่ เครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อเข้าช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันที ทั้งนี้ให้ร่วมบูรณาการเป็นหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
ในการนี้ นายชุติพนธ์ ศิริมงคลรัตน์ ผู้อำนวยกองสารวัตรและกักกันได้ตอบรับนโยบายและสั่งการด่านกักกันสัตว์ทั่วประเทศเข้มงวดดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายและส่งรายงานผลการปฏิบัติงานให้ทราบโดยทันที.-สำนักข่าวไทย