กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา โดยพรุ่งนี้ระบาย 1,800 ลบ.ม./วินาที แล้วหน่วงไว้ให้นานที่สุดเพื่อให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวนาปี หากจำเป็นจะระบายถึง 2,000 ลบ.ม./วินาทีซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายสูงขึ้น 40-50 เซนติเมตร ขณะเดียวกันลดการระบายผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อจัดจราจรน้ำ พร้อมควบคุมน้ำไหลผ่านอ. บางไทร จ. พระนครศรีอยุธยาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำวัง แม่น้ำปิง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน และลำน้ำสาขาทยอยไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกหนักระหว่างวันที่ 3 – 8 กันยายน 2565 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
ทั้งนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 2,000 – 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีซึ่งอาจทำให้กรมชลประทานต้องระบายน้ำจะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 1,800 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กรมชลประทานตรวจวัดปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจ. นครสวรรค์ วันนี้อยู่ที่อัตรา 1,846 ลบ.ม./วินาทีเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 1,762 ลบ.ม./วินาทีทำให้ต้องปรับเพิ่มการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ที่ผ่านมาจาก 1,698 ลบ.ม./วินาทีเป็น 1,750 ลบ.ม./วินาทีในเวลา 17.00 น. จากนั้นในเวลา 06.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) จะเริ่มทยอยปรับขึ้นจนถึงอัตรา 1,800 ลบ.ม./วินาทีในเวลา 11.00 น. แล้วให้คงอัตราดังกล่าวต่อเนื่องให้นานที่สุด
สำหรับการปรับเพิ่มระบายน้ำจนถึงอัตรา 1,800 ลบ.ม./วินาทีจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำได้แก่ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 20 เซนติเมตร แต่หากปรับจนถึง 2,000 ลบ.ม./วินาทีจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น 40-50 เซนติเมตร
พร้อมกันนี้เเจ้งเกษตรกรพื้นที่ลุ่มต่ำเพาะปลูกข้าวนาปีที่มีอายุข้าวครบกำหนดให้เร่งเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จตามแผนเพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายในช่วงฤดูน้ำหลาก โดยย้ำว่า กรมชลประทานจะหน่วงชะลออัตราการะบายอย่างเต็มที่เพื่อให้เกษตรกรในลุ่มเจ้าพระยาเก็บเกี่ยวข้าวนาปีให้แล้วเสร็จ
ส่วนแนวทางลดผลกระทบต่อพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑลคือ การจัดจราจรน้ำ เมื่อเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ได้ลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อไม่ให้น้ำเหนือปริมาณมากจากทั้ง 2 ลุ่มน้ำไหลมาถึงจุดบรรจบบริเวณอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในห้วงเวลาเดียวกัน วันนี้ระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 369 ลบ.ม./วินาทีลดลงจากเมื่อวานนี้ที่อัตรา 420 ลบ.ม./วินาทีและจะทยอยปรับลดต่อเนื่องถึง 300 ลบ.ม./วินาที
อีกมาตรการหนึ่งคือ การควบคุมปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านอ. บางไทร จ. พระนครศรีอยุธยาไม่ให้เกินความจุ 3,500 ลบ.ม./วินาที โดยบริเวณนี้บางไทรเป็นดัชนีชี้วัดว่า น้ำเหนือที่ระบายลงมาจะส่งผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือไม่ หากน้ำไหลผ่านเกินจะทำให้ระบายออกทะเลไม่ทัน แต่เช้านี้อยู่ที่ 1,438 ลบ.ม./วินาที ยังไม่ถึงครึ่งของความจุ บ่งชี้ว่า การเร่งระบายน้ำพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่างออกสู่ทะเลเป็นไปตามที่แผนที่กำหนดไว้ ดังนั้นประชาชนไม่ต้องกังวล แต่ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำตามการแจ้งเตือนของกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย