กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – อธิบดีกรมชลประทานเผย ปิดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ. อุตรดิตถ์ระหว่างวันที่ 19-20 ส.ค. เนื่องจากฝนตกบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนเป็นปริมาณมากจึงต้องเร่งระบายโดยเร็ว การปิดระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์จะช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลมาสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ย้ำเขื่อนสิริกิติ์ยังมีที่ว่างเพียงพอที่จะรับน้ำ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปิดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ จ. อุตรดิตถ์ระหว่างวันที่ 19-20 ส.ค. เนื่องจากมีฝนตกบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อน ดังนั้นต้องเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำน่านซึ่งจะไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ. ชัยนาท การปิดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์จะช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลมายังเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมย้ำว่า เขื่อนสิริกิติ์มีที่ว่างเพียงพอที่จะรับน้ำ โดยปัจจุบันมีน้ำใช้การ 1,971 ล้านลบ.ม. เมื่อเทียบกับความจุเก็บกัก 9,510 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 30%
จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ตั้งแต่ 20-22 ส.ค. จะมีฝนตกลงมาเพิ่ม พร้อมกันนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติคาดการณ์ว่า ในเดือนก.ย.-ต.ค. จะมีพายุเข้าสู่ประเทศไทยโดยเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าง และภาคกลางตอนบน โดยคาดว่า จะส่งผลต่อปริมาณน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ดังนั้นกรมชลประทานจึงจะพิจารณาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่อยู่ตามแนวร่องฝนอย่างเหมาะสมกระทบต่อประชาชน
สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสัก วันนี้ปรับเพิ่มการระบายท้ายเขื่อนป่าสัก จ. ลพบุรีจาก 210 ลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 240 ลบ.ม.ต่อวินาทีเนื่องจากปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ (Upper Rule Curve) ขณะที่มีน้ำไหลลงอ่างอย่างต่อเนื่อง เช้านี้วัดได้ 30 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานซึ่งอยู่ที่ 26 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำในอ่าง 493 ล้านลบ.ม. เมื่อเทียบกับความจุ 960 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 50%
ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา วันนี้ยังคงปริมาณการระบายที่ 1,400 ลบ.ม.ต่อวินาที หลังจากปรับเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ แต่จะนำผลการประเมินปริมาณน้ำเหนือจากแม่น้ำปิง วัง ยม และน่านที่จะไหลมาบรรจบกันที่จ. นครสวรรค์ซึ่งคาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีกมาวางแผนการระบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย