กองปราบฯ 15 ส.ค.- ญาติผู้เสียหายในคดีไฟไหม้ Mountain B จำนวน 13 ราย ร้องกองปราบฯ ให้เข้ามาทำคดี หวั่นอิทธิพล ตำรวจ-ฝ่ายปกครองในพื้นที่ มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่เชื่อเจ้าของผับมีคนเดียว
ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับ Mountain B อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 13 ราย ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อกองปราบปราม เพื่อให้โอนคดีจาก สภ.พลูตาหลวง มายังกองปราบฯ โดยให้เหตุผลว่าในพื้นที่มีอิทธิพลสูง อีกทั้งมีตำรวจและฝ่ายปกครอง มีผลประโยชน์ในผับดังกล่าว โดยแต่ละคนถือกระดาษระบุหมายเลขผู้เสียหายด้วย
นายอภิชัย อินศิริ พ่อของ “น้องไอซ์” อาทิตยา อินศิริ ที่เพิ่งเสียชีวิตเป็นรายที่ 19 รายล่าสุด กล่าวว่า รอความรับผิดชอบจากเจ้าของผับว่าจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร ผู้อ้างเป็นเจ้าของผับประกาศว่าจะรับผิดชอบ แต่ยังไม่ติดต่อมา และลูกสาวก็มีลูกอายุ 5 ขวบ เงินเยียวยาเบื้องต้นได้รับการช่วยเหลือเพียง 20,000-30,000 บาท การมาร้องทุกข์วันนี้ หวังว่ากองปราบฯ จะช่วยในเรื่องคดีได้
ขณะที่นางยุพิน ทองนก แม่ของนางสาวลัดดาวัลย์ เกษกร ผู้บาดเจ็บสาหัส บอกว่า ตอนนี้ลูกสาวรักษาอาการไฟไหม้ 80% อยู่ในโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ ไม่ได้รับการเยียวยา ผู้อ้างเป็นเจ้าของผับไม่เคยติดต่อมา จึงต้องไปดักรอที่สถานีตำรวจ จึงได้รับการเยียวยา 30,000 บาท และรับปากว่าจะดูแลอย่างดี หลังจากนั้นผู้อ้างเป็นเจ้าของผับก็ไม่มีการติดต่อกลับอีกเลย ถ้าลูกสาวหาย ก็จะต้องรักษาต่อเนื่อง จะรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้ มาวันนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
นางสาวณิชารัศม์ กีรติจริยาพรรณ พี่สาวของพันจ่าตรี รังสิมันต์ วนิชโรจนาการ อายุ 30 ปี มือคีย์บอร์ดที่เสียชีวิต บอกว่า น้องชายเป็นเสาหลักครอบครัว ตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อน สิทธิประโยชน์ข้าราชการหายไปกับการเสียชีวิต บ้านพักทหารก็ต้องคืน ลูก 2 คน และภรรยา จะเยียวยายังไง มาวันนี้เพื่อเรียกร้องสิทธิให้หลานและครอบครัว ผู้อ้างเป็นเจ้าของผับ เคยมาในงานศพวันแรก แต่ไล่ออกไป ไม่รับเงินเยียวยา ตอนนี้ไม่มั่นใจในพื้นที่ ตรงนั้นเป็นพื้นที่ทหารเรือ ขยับไปนิดเดียวก็ สภ.พลูตาหลวง จึงมาขอให้กองปราบฯ ทำคนดี อีกทั้งน้องเป็นนักดนตรี ขนเครื่องดนตรีเข้าทางประตูหลัง ถ้าประตูไม่ล็อก ทำไมน้องไม่ออกประตูหลัง
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้นำญาติผู้เสียหายมาร้องกองปราบฯ และมีญาติ 1 คน ถูกไฟไหม้ด้วย บอกว่า อยากให้กองปราบฯ โอนคดีมาที่ส่วนกลาง พยานคนอื่นจะได้กล้าให้ข้อมูล มีข้อมูลว่าตำรวจฝ่ายปกครองลงพื้นที่ไปหลายครั้ง จึงอยากให้กองปราบฯ ลงไปทำคดี วันนี้มา 13 ครอบครัว เป็นตัวแทนของคนอื่นด้วย คนอื่นที่ไม่มาวันนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไม่อยากให้โอนคดีมากองปราบฯ แต่หลายคนยังติดปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาล การจัดการเรื่องต่างๆ จึงไม่สะดวกมา ตอนนี้มีข้อมูลว่า ตำรวจและปกครองในพื้นที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเปิดผับ และผู้มีอิทธิพลในสัตหีบค่อนข้างเยอะมาก มีข้อมูลยืนยัน “เสี่ยบี” ไม่ใช่เจ้าของผับ ยังมีคนอื่นและหุ้นส่วนรายอื่น ที่ต้องลากทุกคนมาลงโทษ
นายรณณรงค์ ยังนำภาพ 6 ภาพ ที่แสดงให้เห็นว่าตำรวจและฝ่ายปกครองเคยไปผับแห่งนี้ พร้อมกับบอกว่า วันที่ 13 มิถุนายน ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครองไปตรวจผับ รู้อยู่แล้วว่าเป็นผับ ก็ยังปล่อยให้เปิด และเปิดถึง 04:00 น. ยืนยันจากชาวบ้านที่เคยร้องเรียน และสลิปของคนที่เคยเข้าไปเที่ยว ก็ระบุจ่ายบิลตอน 02:30 น. นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคมก็มีตำรวจ ปกครอง เข้าไปตรวจที่ผับแห่งนี้อีก ซึ่งถ้ายังให้ตำรวจพื้นที่ทำคดี จะได้ความจริงได้อย่างไรว่าใครเป็นเจ้าของผับ คนที่บอกว่าไม่รู้ว่าเป็นผับ ไม่เห็นมีความรับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งตนยังมีหลักฐานทั้งภาพนิ่งและคลิป ที่เจ้าหน้าที่ไปไหว้คนในนั้น เป็นไปไม่ได้เจ้าของผับคนเดียว เป็นพื้นที่ทหารเรือ พอเกิดเหตุบอกไม่รู้ได้อย่างไร ยังไงก็ไม่ยอม.-สำนักข่าวไทย