ทำเนียบรัฐบาล 12 ก.ค.- นายกรัฐมนตรี ย้ำ รัฐบาลเดินหน้าขจัดความยากจนแบบพุ่งเป้าตามนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาได้ร้อยละ 92.37 ย้ำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการ “การขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.)
นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการภาพรวมการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในมิติต่าง ๆ ของ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ประกอบด้วย 1) มิติสุขภาพ เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์การออกกำลังกาย 2) มิติความเป็นอยู่ เช่น การพัฒนาบ้านเรือนให้ถูกสุขลักษณะ การปรับปรุงภูมิทัศน์ 3) มิติการศึกษา เช่น การจัดกลุ่มสนใจการอ่านเขียนขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมการเรียนในระบบ กศน. 4) มิติรายได้ เช่น สนับสนุนการปลูกพืชหลังฤดูเก็บเกี่ยว ให้ความรู้สนับสนุนเงินทุนการประกอบอาชีพระยะสั้น และ 5) มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ เช่น ให้การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ให้การสงเคราะห์เครื่องอุปโภคบริโภครายเดือน เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน โดยให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform) หรือ TPMAP เป็นฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนและจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาความยากจน และต้องกำกับติดตามเพื่อทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขเกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล มุ่งแก้ปัญหาความยากจน ที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องและตามขั้นตอน โดยเริ่มที่ขั้นตอนแรก จะต้องอยู่รอดอย่างปลอดภัยตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และนำไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนาตนเองควบคู่ไปกับได้รับการส่งเสริมการเข้าถึงบริการภาครัฐ ทั้งเรื่องการศึกษา การตลาดทางออนไลน์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนในจังหวัดนำร่อง ถือว่ามีความคืบหน้าก่อนขยายไปทุกจังหวัดนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เป็นการมองการแก้ปัญหาในอนาคต ไม่ได้เป็นการให้เงินสงเคราะห์อย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกับ 3 แกนหลักของรัฐบาลนี้ ที่ได้ทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วย 1. การทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ซึ่งตนเองได้เข้ามาแก้ปัญหาตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง หางบประมาณเพื่อมาดูแลประชาชน 2. การเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทั้ง 3 แกนหลัก ได้คิดและทำมาอย่างต่อเนื่อง โดย 7 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีความก้าวหน้า แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และทีมพี่เลี้ยงก็จะเข้าไปดูในรายครัวเรือน เพื่อประเมินผลว่าสัมฤทธิ์ผลหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการบริหารจัดการน้ำว่า จะต้องให้เพียงพอกับการเกษตร โดยนำน้ำใต้ดินและน้ำบนดินมาใช้ และเดินหน้าการพัฒนาเรื่องพลังงาน ซึ่งขณะนี้กำลังประสบปัญหาอย่างมาก ส่งผลกระทบในหลายด้าน ซึ่งหลายภาคส่วนทั้งรัฐบาล เอกชน เช่น สมาคมภัตตาคาร ที่กำลังดำเนินโครงการจำหน่ายข้าวแกงราคา 25 บาท ถือเป็นการช่วยเหลือประเทศไทย ซึ่งคนไทยอยู่กันแบบนี้ ช่วยเหลือกันและกัน ในอนาคตก็จะแก้ไขปัญหาได้หมด ดีกว่าจะมาสร้างความขัดแย้ง จึงขอฝากทุกคนในเรื่องนี้ และย้ำว่าสิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้นเยอะ อย่ามัวแต่ทะเลาะกัน โอกาสนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบงบประมาณสนับสนุนจำนวน 16,600,000 บาท
สำหรับใช้ในการสร้างบ้านตาม “โครงการบ้านห่วงใย จากใจ GLO” เนื่องในโอกาสครบรอบ 83 ปี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และเป็นการบูรณาการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนยากจนที่ประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย จำนวน 83 ครัวเรือน.-สำนักข่าวไทย