รัฐสภา 5 ก.ค.-รัฐสภา ถกร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ครั้งที่ 7 ยังเถียงกันนาน 2 ชั่วโมง จี้ถาม “กมธ.กม.ตำรวจ” แก้เนื้อหา เว้นวรรคใช้เกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายใหม่ เอื้อตั๋วช้างหรือไม่ “สาทิตย์” มองวิธีการของ กมธ. ส่อกระทบหลักการทำกฎหมาย พร้อมถามเหตุผล เอื้อใครกันแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. … ที่กรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาพิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ซึ่งเหลืออีก 4 มาตราจะพิจารณาเนื้อหาเป็นรายมาตราในวาระสองแล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมเริ่มต้นพิจารณามาตรา 169/1 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการตำรวจแต่ละตำแหน่ง ในเนื้อหาที่ถูกโต้แย้งต่อการขอแก้ไขเนื้อหาให้ต่างไปจากรายงานของ กมธ.ที่เสนอต่อสภาฯ ซึ่งกมธ. ได้ขอกลับไปหารือก่อนเสนอต่อรัฐสภา โดย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ส.ว. ฐานะรองประธานกมธ. คนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า กมธ.หารือรวม 2 รอบ และได้ข้อยุติต่อการเสนอบทบัญญัติใหม่ให้ที่ประชุมพิจาณา ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติที่ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ฐานะ กมธ.เสนอ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ปิยะ ชี้แจงรายละเอียดในข้อเสนอที่ปรับเนื้อหามาตรา 169/1 ให้เป็นการเว้นการบังคับใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือก หรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับต่าง ๆ ตามกฎหมายใหม่ ออกไป 180 วัน โดยย้ำว่าเพื่อไม่ให้หลักเกณฑ์ตามกฎหมายใหม่มีผลกระทบต่อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในระดับต่าง ๆ ที่ดำเนินการตามขั้นตอนมาแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน และเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมได้ประกาศบัญชีอาวุโสของตำรวจ และเปิดรับฟังข้อโต้แย้งไปแล้ว
“วาระแต่งตั้งประจำปี ได้ดำเนินการไปแล้ว ต้องมีบทเฉพาะกาลเพื่อให้การคัดเลือกกประจำปีเรียบร้อยถูกต้องตามกฎหมายและกฎของ สตช. ที่มีอยู่ อีกทั้งจะมีผลกระทบต่อการวางแผนชีวิตรับราชการของข้าราชการตำรวจ ที่ต้องการย้ายกลับภูมิลำเนา หากใช้กติกาใหม่ที่มีเงื่อนไขเวลา อาจทำให้กระทบต่อการวางแผนรับราชการและครอบครัว ทั้งนี้ กฎ ก.ตร. มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเว้นการบังคับใช้ แต่กฎหมายหลักไม่มี จึงจำเป็นต้องเขียนเพื่อให้รักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้ง” พล.ต.อ.ปิยะ กล่าว
พล.ต.อ.ปิยะ ชี้แจงยืนยันว่า การเสนอบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีเจตนาแอบแฝงใด แต่เพื่อให้เป็นประโยชน์กับข้าราชการตำรวจทุกระดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ กมธ.ชี้แจงเนื้อหาแล้ว พบบรรยากาศที่วุ่นวาย มีการประท้วงระหว่างสมาชิกและประท้วงการทำหน้าที่ของนายชวน โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า กรณีที่ กมธ.นำเนื้อหากลับไปทบทวนและแก้ไขมาใหม่ ขัดต่อกระบวนการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นวิธีการที่ไม่ชอบต่อข้อบังคับ เนื่องจากที่ประชุมรัฐสภาไม่มีมติให้ กมธ.นำกลับไปพิจารณา ทั้งนี้ มองว่าการกระทำของ กมธ.นั้น ส่อเอื้อประโยชน์ให้คนบางคน ทำให้นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงยืนยันว่าการดำเนินการของ กมธ.ถูกต้อง และขอนายธีรัจชัยอย่าใช้มโนคิดเอาเอง
นายธีรัจชัยประท้วงขอให้ถอนคำพูด และระหว่างนั้นก็มีการตอบโต้จากนายสมชาย ซึ่งชี้นิ้วไปยังนายธีรัจชัย ทำให้นายธีรัจชัย บอกว่า ไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมกับวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่
ขณะที่ นายชวน ได้วินิจฉัยยืนยันว่าตามข้อบังคับของรัฐสภา กมธ.มีสิทธิที่จะทบทวนเนื้อหาได้และในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่ามีมติให้ กมธ.ทบทวน และมีมติที่เป็นข้อสรุปส่งให้สภาฯ พิจารณาได้ ดังนั้น กระบวนการไม่ผิด แต่หากสมาชิกไม่เห็นด้วยต้องขอมติ และขอให้ดำเนินการอภิปรายต่อไปโดยไม่ให้นายธีรัจชัยอภิปรายอีก แต่นายธีรัจชัย ยืนยันจะขอใช้สิทธิชี้แจง พร้อมขอให้ประธานทำหน้าที่ให้เป็นกลาง อีกทั้งมองว่า การตีความอย่างกว้างของข้อบังคับเพื่อให้สภาฯ แก้ไขได้ทุกเรื่องไม่ถูกต้องในกระบวนการ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลัง ให้กระบวนการพิจารณากฎหมายของรัฐสภาไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาต่อประเด็นดังกล่าวมีความเห็นที่แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งที่สนับสนุนการแก้ไขของ กมธ. และฝ่ายที่โต้แย้ง
ทั้งนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ กมธ.ที่แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาดังกล่าว แม้จะมีการประชุมกันมา 2 ครั้งว่า จะแก้ไขได้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นใน กมธ.แตกเป็น 2 ฝ่าย และล่าสุดการประชุมเมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 กรกฎาคม ลงมติเสียงข้างมาก 17 เสียงให้แก้ไข และเสนอข้อความใหม่ต่อสภา
“ผมมองว่าไม่ปกติ เพราะถ้าปกติ กมธ.ต้องถอนเนื้อหาออกไปก่อน แต่นี่ไม่ถอน ส่วนที่บอกว่า มาตรา 169/1 เดิมจะมีผลกระทบกับการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ที่ผ่านมา ตัวแทนของ สตช.เข้าร่วมประชุมและรับรู้เนื้อหา รวมถึง สตช.เคยขอให้แก้ไข 14 จุด จึงถือว่ารับรู้มาตลอด จะอ้างว่าไม่รู้ข้อความไม่ได้ ดังนั้น ตนมองว่ามาตราที่เสนอมาใหม่นี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายในปีนี้ ที่บอกว่าหากร่างกฎหมายนี้ใช้วันถัดจากประกาศใช้ มีคนเสียประโยชน์ ผมเชื่อว่าจะมีคนได้ประโยชน์เช่นกัน ทั้งนี้ ข้อความที่เสนอผมมองว่าไม่ต้องแก้ไขก็ได้ เพราะมีมาตรา 170 เขียนด้วยหลักการเดียวกัน แต่หากจะเสนอเพื่อโยนความรับผิดชอบของ ก.ตร. เป็น สภาฯ เพราะสภาคุ้มครอง 180 วันให้ทำตามแบบเดิม ถือเป็นความผิดปกติที่อาจกระทบต่อกระบวนการนิติบัญญัติได้” นายสาทิตย์ กล่าว
ขณะที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน อภิปรายสนับสนุนนายสาทิตย์ และโต้แย้งกมธ.เสียงข้างมากที่เสนอข้อความเว้นวรรคการใช้กติกาใหม่ ว่าจะเอื้อประโยชน์กับบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในปี เพราะเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในลำดับอาวุโส โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายคัดค้านกมธ.เสียงข้างมาก พร้อมระบุว่า จะเอื้อให้บุคคลที่ถูกชื่อว่าได้ตำแหน่งมา เพราะตั๋วช้างเข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงระบบอาวุโสส จึงถือว่าเป็นประเด็นที่จะทำลายระบบยุติธรรมของการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เพราะไม่คำนึงถึงความอาวุโสตามที่ร่างกฎหมายกำหนด. สำนักข่าวไทย