รวบแล้วมือยิง ตร.สายตรวจดับ อ้างไม่ได้ตั้งใจ-คิดว่าอริ

ปทุมธานี 15 มิ.ย. – รวบแล้วมือยิงตำรวจสายตรวจ สภ.คลองหลวง เสียชีวิต อ้างไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าเป็นคู่อริ จะยิงแค่นัดเดียว ไม่คิดว่าปืนจะเป็นออโต้


จากกรณี ด.ต.อนันต์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.คลองหลวง (ประจำเวรตู้คลองสอง) อายุ 48 ปี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่และปาระเบิดปิงปอง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนภายในซอยเอราวัณ 12 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้วถูกวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลา 01.30 น. วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมานางสุภาพร อายุ 44 ปี ภรรยา ด.ต.อนันต์ ได้เดินทางมาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี เพื่อติดต่อขอรับศพ ด.ต.อนันต์ ไปประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีเพื่อนตำรวจเดินทางมามอบเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาท เพื่อดำเนินการเรื่องการเคลื่อนย้ายศพ


นางสุภาพร เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับสามีมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเตือนสามีอยู่เสมอๆ กระทั่งคืนเกิดเหตุ พอทราบข่าวว่าสามีถูกยิงพยายามตั้งสติ เพราะมีลูก 11 ขวบ ที่ต้องดูแล สำหรับสามีรับราชการมากว่า 20 ปี ซื่อสัตย์สุจริต รักเพื่อนร่วมงาน เป็นคนดี ไม่เอาเปรียบใคร เห็นคนอื่นเดือดร้อน หากช่วยเหลือได้ก็จะช่วยเหลือตลอด

ส่วนการประกอบพิธีทางศาสนาจะมีการรดน้ำศพที่วัดกล้าชอุ่ม ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะมีการฌาปนกิจ

ส่วนด้านคดีความ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า ทราบสาเหตุว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างวัยรุ่น 2 กลุ่ม ที่ใช้ชื่อย่อว่า เอราวัณ กับ กลุ่มบ้านพยอมซอย 8 อยู่ในเขต สภ.วังน้อย ก่อนสามารถตามจับกุมวัยรุ่นมาได้จำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.อนันต์ สอบสวนชื่อ นายปาย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ให้การทั้งน้ำตาว่า เป็นการมาเอาคืนจริง ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนไทยประดิษฐ์ ซื้อมาทางอินเทอร์เน็ต ราคา 18,000 บาท โดยตนยืนอยู่บนถนนของอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้าม โดยไม่ได้ตั้งใจ กะยิงแค่นัดเดียวให้เข้าข้างซอย แต่ไม่คิดว่าปืนจะเป็นออโต้ ปืนมันพัง ตนไม่ได้ตั้งใจจะยิงเขา


เบื้องต้นตำรวจไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่ทราบว่าปืนที่ใช้เป็นปืนออโต้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะเดียวกันตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้ได้ทั้งหมด 8 คัน ซึ่งรอบแรกที่มีวัยรุ่นมาปาระเบิด และยิงปืนหน้าปากซอยนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 36 คน แต่หลังจากลงมือจนเสร็จแล้ว ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับ ก่อนจะวนรถกลับมาอีกรอบ โดยรอบนี้มาแค่ 10 คัน ประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นไปตามคลิปวงจรปิดของร้านขายหมูที่อยู่ฝั่งที่คนร้ายยิงข้ามคลองมา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกสอบในแต่ละคนว่าใครผิดข้อหาอะไรบ้าง คาดว่าน่าจะออกหมายจับได้อย่างเร็วคือวันนี้ ส่วนเรื่องทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่นั้น ตำรวจจะพิจารณาอีกรอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ