รัฐสภา 22 ธ.ค. – “พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์” ลาออกจาก สนช. ทำสมาชิกเหลือ 247 คน ขณะที่ สนช. เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต และพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 7 ของบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน
ผู้สื่อข่าวรายงาน การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม ในวันนี้ (22 ธ.ค.) ประธานได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าพล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ได้ลาออกจากสมาชิก สนช. โดยได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.และมีผลในวันเดียวกัน จึงทำให้สมาชิกสนช.เหลือ 247 คน จำนวนกึ่งหนึ่งคือ 123 คน
พล.อ.กัมปนาท ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ถึงเหตุผลการลาออกว่า ยังบอกไม่ได้ ขอให้รอดูต่อไป
ที่ประชุมสปท. ได้พิจารณาเรื่องด่วนให้ความเห็นชอบพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 7 ของบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า พิธีสารฉบับนี้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปิดตลาดการค้าบริการทางอากาศขนส่งผู้โดยสาร เป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันการเปิดตลาดการค้าเสรีอาเซียนจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าดำเนินธุรกิจบริการในประเทศสมาชิกอาเซียนได้เช่นเดียวกัน สำหรับพิธีสารฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนตั้งแต่ 7 ประเทศ ขึ้นไปให้สัตยาบรรณ และจะมีผลบังคับใช้เฉพาะประเทศร่วมให้สัตยาบรรณเท่านั้น รวมทั้งกำหนดให้ชาวอาเซียนสามารถเข้ามาถือหุ้นในนิติบุคคลไทยไม่เกินร้อยละ 49 ซึ่งการเปิดตลาดบริการนี้ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
ขณะที่สมาชิก สนช. อภิปรายสนับสนุนพิธีสารนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์เกิดการแข่งขันในบริการเพิ่มขึ้น ผู้ใช้บริการมีทางเลือกที่สำคัญจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยหลังอภิปรายที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเอกฉันท์ 185 เสียง
จากนั้นที่ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2 และ 3 ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตทั้งระบบ ทั้งกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยไพ่ กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสรรพสามิต และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสุรา ที่บังคับให้มาเป็นเวลานานให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน
มุ่งเน้นปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 211 มาตรา มีการแก้ไข จำนวน 42 มาตรา โดยแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมและบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เช่น การเพิ่มบทบัญญัติให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางเดียวกับกฎหมายของกรมสรรพากรและกรมศุลกากร การปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษี จากเดิมที่จัดเก็บในอัตราตามมูลค่าหรือตามปริมาณเป็นจัดเก็บทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณ การกำหนดลักษณะและจัดหมวดหมู่สินค้าและบริการที่ต้องเสียภาษีให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ยังยืนยันว่าแม้จะปรับปรุงฐานภาษีให้ใหญ่ขึ้นแต่จะไม่เป็นภาระกับผู้บริโภคมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ขณะที่สมาชิก สนช. อภิปรายสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมองว่ามาตรการทางภาษีจะมีส่วนสำคัญในการช่วยผู้ประกอบการให้คำนึงถึงการผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค โดยหลังการอภิปรายที่ประชุมมีมติเห็นชอบวาระ 3 ประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนนเอกฉันท์ 194 เสียง .-สำนักข่าวไทย