รวบแล้ว “ฉุย เขาจันทร์” ยิงตำรวจกองปราบเสียชีวิต

กองปราบฯ 25 มี.ค.-รวบแล้ว “ฉุย เขาจันทร์” ยิงตำรวจกองปราบฯ เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย  หนีกบดานอยู่ด้านหลัง ม.รามคำแหง

ความคืบหน้าการไล่ล่า นายจำรัส หรือฉุย รักษ์จันทร์ อายุ 45 ปี มือปืนประวัติฉกาจ หลังร่วมกับพวกขับรถประกบยิงถล่มตำรวจ  กก.6 บก.ป. ติดตามจับกุมนายจำรัสตามหมายจับ จากบริเวณวัดบ่วงช้าง ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง จนถึงบนถนนสาย 42 ใกล้สี่แยกบ้านท่านางพรหม หมู่ 6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ระยะทางประมาณ 3 กม. เป็นเหตุให้ ด.ต.อนันต์ มีแสง ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. เสียชีวิต ด.ต.ชัชชัย พันธอู และ ร.ต.อ.นพดา ณัทณพงศ์ บาดเจ็บ ส่วนคนร้ายชื่อ นายวัชระ รัตนสุวรรณ์ อายุ 47 ปี ถูกยิงตายคารถเก๋งฮอนด้าซีวิค เหตุเกิดเย็นวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา


ล่าสุด ตำรวจกองปราบปรามตามรวบ นายจำรัส หรือฉุย รักษ์จันทร์  และนายอัฐพล ใหม่อ่อน ได้แล้ว หลังหนีกบดานอยู่ บริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งขณะนี้ตัวอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม

ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 9 มีนาคม เกิดเหตุปะทะยิงกันสนั่นเมืองพัทลุง ขณะตำรวจ สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ยิงปะทะกับแก๊งคนร้าย บริเวณใกล้สี่แยกบ้านท่านางพรหม ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และเป็นวินาทีที่เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปช่วยชีวิตเพื่อนตำรวจที่ถูกยิงภายในรถยนต์คันที่ติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย จนเกิดเหตุยิงปะทะกันกลางเมือง จุดนี้ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตำรวจยิงปะทะกับคนร้ายรอบแรกและเริ่มไล่ล่าคนร้าย มาตั้งแต่บริเวณหน้าวัดบ่วงช้าง ม.7 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง โดยตำรวจขับรถยนต์ฟอร์ด 4 ประตู สีน้ำตาล ไล่ล่าจับกุมนายจำรัส รักษ์จันทร์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นตามหมายจับของ สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งมีส่วนพัวพันในคดียาเสพติด และมีเพื่อนร่วมแก๊งรวม 4 คน โดยมีการไล่ยิงกันมาตลอดทาง


จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ห่างจากจุดที่เริ่มไล่ล่าประมาณ 7 กิโลเมตร ตำรวจชุดจับกุมได้ขับรถปาดหน้ารถคนร้ายเพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายหลบหนี คนร้ายที่นั่งมารถรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์เงิน เห็นท่าไม่ดี จึงยิงปืนใส่ตำรวจจนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 คน

คดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายจำรัส รักษ์จันทร์ หรือ ฉุย เขาจันทร์ นายพงศกร สุวรรณมะโณ หรือ เจ อายุ 22 ปี นายอัฐพล ใหม่อ่อน หรือ รวย อายุ 21 ปี และนายเกรียงไกร ไชยพูล อายุ 27 ปี

นายพงศกร ถูกจับขณะกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา นายเกรียงไกร มอบตัว ล่าสุด จับนายจำรัส หรือฉุย ได้ และยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน คือ นายอัฐพล ใหม่อ่อน


สำหรับนายจำรัส รักจันทร์ มีประวัติตกเป็นผู้ต้องหา จำนวน 9 คดี ทั้งพื้นที่จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา ส่วนใหญ่เป็นคดีฆ่าคนตาย และพยายามฆ่า คดี สภ.ป่าบอน จำนวน 3 คดี สภ.ตะโหมด 1 คดี สภ.รัตภูมิ 4 คดี และ สภ.คลองแงะ 1 คดี ซึ่งตกเป็นมือรับจ้างที่ตำรวจต้องการตัว ตั้งรางวัล 1 แสนบาท. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง