กรมศุลกากร 13 ธ.ค. – กรมศุลกากร เผย รถยนต์ NGV นำเข้าสำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จ ต้องชำระภาษี 1,000 ล้านบาท
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่าจากการตรวจสอบการนำเข้ารถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือ NGV โดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด พบว่าการนำเข้ารถโดยสารปรับอากาศยี่ห้อ SUNLONG รุ่น SLK6129CNG YEAR 2016 จำนวน 489 คัน ได้ทยอย ส่งออกจากประเทศมาเลเซีย มายังประเทศไทย รวม 5 เที่ยวเรือ คือ เที่ยวละ 1 คัน, 99 คัน, 145 คัน, 146 และ 98 คัน โดยกลุ่มแรกได้แก่ เที่ยวที่ 1 และ 2 รวม 100 คัน ผ่านพิธีการศุลกากรและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ส่วนเที่ยวที่ 3 ถึง 5 รวม 389 คัน ยังไม่ผ่านพิธีศุลกากร แต่เดินทางมาถึงไทยแล้ว ยกเว้นเที่ยวที่ 5 จำนวน 98 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางจากมาเลเซียมายังไทย
ทั้งนี้พบว่า กรณีกลุ่มที่ 1 จำนวน 100 คันแรก เป็นการ สำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จอันเป็นความผิดตามกฏหมายศุลกากรตามมาตรา 99 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งเป็นการผลิตมาจากประเทศจีน ไม่ใช่สอดคล้องกับเอกสาร From D ที่ออกโดยกระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัทยอมรับว่ามีความเข้าใจผิดพลาดในข้อมูลการนำเข้าจากบริษัทผู้จำหน่ายในมาเลเซีย โดยหากจะนำรถออกไป ต้องชำระค่าภาษีร้อยละ 40 ของมูลค่ารถ 100 คันแรก หรือประมาณ 130 ล้านบาท รวมกับเงินประกันค่าปรับซึ่งคิดเป็นสองเท่าของมูลค่าภาษี 240 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 370 ล้านบาท ซึ่งซึ่งบริษัทแจ้งว่าจะนำเงินถ้าชำระภายในสัปดาห์นี้
ส่วนรถยนต์ NGV จำนวน 389 คันที่ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จะต้องชำระค่าภาษีนำเข้ารถร้อยละ 40 และ ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ของมูลค่ารถทั้งหมด รวมประมาณ 564 ล้าน เมื่อรวมทั้งสิ้น 489 คัน คิดเป็นเงินที่ต้องชำระ 934 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ขึ้นอยู่กับบริษัทฯ ว่าจะนำเงินมาชำระหรือ รีเอ็กซพอร์ท ซึ่งกรมศุลกากรสามารถเก็บตู้สินค้าไว้ได้นานสุดถึง 2 เดือน และจะทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทฯ ภายใน 15 วันหากไม่มายื่นเอกสาร สามารถยึดตามกฎหมาย และภายใน 30 วันก็พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดี กรมศุลกากรจะจัดให้บริษัทดังกล่าวอยู่ใน Watch List บริษัทที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากเคยมีประวัติการหลีกเลี่ยงภาษี และยืนยันจะไม่มีการฟ้องกลับเพราะถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่
ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวถึงปัญหาการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันซึ่งในวันนี้บริษัทเบสท์รินได้เข้า ยื่นหนังสือต่อกรมศุลกากรเพื่อขอวางหลักประกันนำรถออกมาส่งมอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. โดยหลังจากนี้ต้องติดตามว่าการดำเนินการขั้นตอนตามกฏหมายว่า สุดท้ายกรมศุลกากรจะยอมปล่อยรถให้แก่. เบสท์ริน หรือไม่ โดยหากมีการปล่อยรถออกมา ขสมก.ก็สามารถรับมอบรถได้
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้การดำเนินการนำรถเมล์มาวิ่งให้บริการเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทยในปี 2560 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ ตัวแทน บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเบสท์รินที่เป็นบริษัทนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน489คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ได้เดินทางมาที่ กรมศุลกากร ตามที่ก่อนหน้านี้ ได้ทำหนังสือด่วนไปถึงนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมสำเนาถึงผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอวางเงินประกันภาษีรถยนต์เอ็นจีวี เพื่อขอนำรถเมล์เอ็นจีวีที่ถูกกรมศุลกากรกักไว้ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้เพื่อนำรถไปติดตั้งจีพีเอสและระบบต่างๆเพื่อส่งมอบให้กับ ขสมก. ให้ทันภายในวันที่ 29ธ.ค.ตามเงื่อนไขในสัญญาจัดหารถ
ทั้งนี้รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุด้วยว่า การจะรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันดังกล่าวหลายฝ่ายมีความวิตกปัญหาทางข้อกฎหมายหากเอกชนผู้ดำเนินการ มีคดีความและยังไม่แก้ปัญหาคดีด้านภาษีให้ถูกต้อง แม้ว่าจะมีการวางหลักประกันภาษีเพื่อนำรถออกมาวิ่งให้บริการก่อน แต่หากรถทั้งหมดจึงเข้าข่ายเป็นของกลางที่มีการกระทำผิดกฎหมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ขสมก. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐจะรับมอบรถที่จัดซื้อครั้งนี้. ซึ่งเป็นประเด็นที่จะมีการหารือเพื่อหาทางออกในคณะกรรมการ ขสมก. อีกครั้ง – สำนักข่าวไทย