กรุงเพทฯ 13 พ.ย.-นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย หลังจากที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการกำหนด ให้ข้าวสาลีเป็นสินค้าต้องขออนุญาตและต้องปฎิบัติตามมาตรการการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมทั้ง กำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลี ต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในประเทศอัตราส่วน 1:3 (นำเข้าข้าวสาลี 100 ตัน รับซื้อข้าวโพดในประเทศ 300 ตัน) กำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวสาลีนำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ข้าวสาลีเป็นสินค้าต้อง ขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ นั้น
ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมติ ครม. ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน มาประชุมหารือกันในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 59 เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องสัดส่วน โดยต้องหาข้อสรุปร่วมกันโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ สำหรับปัญหาผู้ประกอบการรอคิว ข้าวโพดเป็นเวลานานเพื่อขายให้กับ โรงงานอาหารสัตว์ ขณะนี้สถานการณ์ได้รับการแก้ไข และผ่อนคลายลงแล้ว ทำให้มีการรับซื้อเพิ่มมากขึ้น และแนวโน้มการซื้อขายมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้ติดตามและดำเนินการอย่าง ใกล้ชิด
สำหรับประเด็นการลดภาษีการนำเข้าข้าวสาลีจากร้อยละ 27 เหลือร้อยละ 0 ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดนั้น การลดอัตราภาษีดังกล่าวเกิดขึ้นตามมติ ที่ประชุม เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่ ปี 2549 ตามข้อเสนอของสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของเรื่อง ซึ่งได้ปรับลดอัตราอากรขาเข้าของปัจจัยการผลิตที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศให้เหลือร้อยละ 0 ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ลดภาษีข้าวสาลี ตามนโยบายโครงสร้างภาษีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถแข่งขันได้.-สำนักข่าวไทย