กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – ลุ้นเกมเหนือเกม 14 ก.พ.นี้ ที่ กกต.จะพิจารณาเรื่องขับ 21 ส.ส.พปชร. หากมติขับไม่ชอบด้วยกฎหมาย 18 ส.ส.ที่รีบไปสมัครสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ขาดคุณสมบัติ ส.ส.ทันที เพราะเป็นสมาชิก 2 พรรคไม่ได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง ตั้งประเด็นปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ หลังมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ 21 ส.ส. ออกจากพรรค โดยมองว่า การวินิจฉัยของ กกต. ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ มีแนวทางออก 2 ทาง คือ ทางแรก มติของพรรคที่ให้ ส.ส.ทั้ง 21 คน ออกจากพรรค เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ในกรณีนี้ไม่เป็นปัญหา ส.ส.ทั้ง 21 คน ต้องหาพรรคใหม่สังกัดใน 30 วัน และ 18 คนที่สมัครเข้าพรรคเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 มีผลทำให้ชื่อไปอยู่พรรคใหม่โดยสมบูรณ์
ทางที่ 2 ในกรณีที่ กกต.วินิจฉัยว่า การลงมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 42 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากพบว่ามติของพรรคขัดต่อกฎหมาย ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอนมติดังกล่าวได้ โดยการเพิกถอนมติ หมายถึง มติดังกล่าวไม่มีผลบังคับ นั่นหมายความถึง 21 คน ยังมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และความยุ่งยากจะอยู่ที่ 18 คน ที่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยแล้ว เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ตามหนังสือตอบของ กกต. ที่มีต่อการสอบถามจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ส.ส. 18 คนดังกล่าว จึงอาจมีสถานะการเป็นสมาชิกพร้อมกัน 2 พรรค ในวันที่ กกต.วินิจฉัย ซึ่งตามมาตรา 26 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่า หากนายทะเบียนพบว่ามีการซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมือง ให้แจ้งกลับหัวหน้าพรรคให้ลบชื่อผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยเป็นการแจ้งเมื่อพบ ซึ่งหมายความว่าต้องแจ้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หาก 18 คนนั้นมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยด้วย ซึ่งการลบชื่อสมาชิกที่ซ้ำซ้อน ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. มิใช่การลงมติขับที่เปิดโอกาสให้หาพรรคใหม่ใน 30 วัน แปลว่า 18 คน อาจหลุดจาก ส.ส. โดยไม่เข้าเงื่อนไขถูกขับตามมาตรา 101 (9) ของรัฐธรรมนูญ เป็นหลุดจากการเป็นสมาชิกซ้ำซ้อน 2 พรรค
“เกมการให้พรรคขับนั้นคมยิ่ง แต่เกมที่ให้คนร้องว่ามติไม่ชอบก็คมไม่แพ้กัน คนวางหมาก แก้หมากแต่ละฝ่ายล้วนไม่ธรรมดา เป็นคมที่เฉือนคม จึงต้องรอดูว่า การวินิจฉัยของ กกต. ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นอย่างไร และทางแก้ของแต่ละฝ่ายจะเป็นเช่นไร ศึกธรรมนัสยังไม่จบ จึงอย่าเพิ่งนับศพใคร เพราะศพที่ระเนระนาด อาจเป็นศพที่เรี่ยราดของฝ่ายตัวเองได้” นายสมชัย ระบุ
สำหรับไทม์ไลน์การพิจารณาหลัง 21 ส.ส. ถูกพรรคพลังประชารัฐขับออกจากพรรค เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 โดยทั้งหมดต้องหาพรรคใหม่ใน 30 วัน คือ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 มิฉะนั้นจะสิ้นสภาพ ส.ส.
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีหนังสือแจ้งมติพรรค ลงวันที่ 21 มกราคม 2565 ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง
วันที่ 21 มกราคม 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำร้องต่อ กกต. ประเด็นการลงมติพรรคขับ 21 ส.ส. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ประชุม กกต. มีมติรับทราบเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐแจ้งมา และขอเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของมติพรรค
วันที่ 31 มกราคม 2565 เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือสอบถาม กกต. ถึงสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 18 ราย
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นายสมัย รามัญอุดม พร้อมสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กว่า 100 คน ยื่นคำร้องตามมาตรา 42 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า มติของพรรคขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หรือกฎหมายอื่น เพื่อให้ กกต.มีคำสั่งเพิกถอนมติการขับ ส.ส. 21 ราย
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงาน กกต. มีหนังสือเลขที่ ลต (ทบพ.) 0015/1546 ตอบเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับสถานะการเป็นสมาชิกพรรคของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 18 ราย สรุปว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 กกต.จะพิจารณาหนังสือแจ้งมติพรรค พร้อมไปกับคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา และนายสมัย รามัญอุดม
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ครบกำหนด 30 วัน ที่พรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 21 ส.ส. ที่ต้องหาพรรคใหม่ มิฉะนั้นจะพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9). – สำนักข่าวไทย