กทม. 17 ม.ค.-ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายกฟ้อง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ขอเพิกถอนคำสั่งปลดออกจากราชการ ชี้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมนั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลปกครอง วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 141/2556 ลงวันที่ 30 พ.ค. 56 ที่ลดโทษนายยงยุทธ จากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ และขอให้คืนสิทธิประโยชน์พึงมีพึงได้ตามกฎหมายจากการรับราชการ เสมือนว่าไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน ทั้งนี้นายยงยุทธ ถูกปลดออกจากราชการจากเหตุ ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เมื่อปี 2556
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง เห็นว่า การที่ ป.ป.ช. วินิจฉัยว่าการกระทำของนายยงยุทธ มีมูลความผิดฐานเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 วรรค 3 พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535 ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแม้ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดฐานอื่นมาด้วยก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงมติของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่าปลดออก ทั้งนี้ตามมาตรา 104 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535 ประกอบมาตรา 133 พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2551
ดังนั้นการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 546/2555 ลงวันที่ 20 ก.ย.55 ลงโทษไล่นายยงยุทธ ออกจากราชการตามมติของ ป.ป.ช. ซึ่งต่อมาคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมได้มีคำวินิจฉัยเรื่องดำที่ 5510078 เรื่องแดงที่ 0047156 ลงวันที่ 28 พ.ค.56 ให้ลดโทษนายยงยุทธ จากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 414/2556 ลงวันที่ 31 พ.ค.56 ลดโทษนายยงยุทธ จากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมนั้น จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว.-สำนักข่าวไทย