กรุงเทพฯ 29 พ.ย. –ดีพร้อม ติดสปีดผู้ประกอบการ “กาแฟอาราบิก้าภาคเหนือตอนบน” โตทะลุ 5 พันล้าน พร้อมปรับแนวทางธุรกิจรับยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) – เทรนด์โลกกับคาเฟ่ครบวงจร
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นโยบายการยกระดับกาแฟอาราบิก้าให้เกิดขึ้นอย่างครบวงจร ภายใต้อัตลักษณ์กาแฟภาคเหนือ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีคุณภาพและทำให้ภาคเหนือตอนบนเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่มีชื่อเสียง โดยตั้งแต่เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวในปี 2562 จนถึงปัจจุบันได้ผลักดันทักษะของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกาแฟในภาคการผลิตและภาคบริการให้ก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้มูลค่าของตลาดกาแฟของภาคเหนือตอนบน เติบโตมากขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันให้การเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟในประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 10 – 15 % โดยตลาดกาแฟในประเทศไทยปี 2562 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 37,000 – 38,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2563 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดกาแฟในประเทศไทยอยู่ที่ 42,537 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดกาแฟในช่วงระหว่างปี 2564 – 2566 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% และมีมูลค่าที่สูงมากถึง 191.1พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามมาตรการล็อกดาวน์ และการเปลี่ยนพฤติกรรมมาสู่ยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ทำให้การดื่มกาแฟสด – เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากช่องทางออนไลน์และเดลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น ดีพร้อมจึงมีแนวทางเพิ่มโอกาสการเติบโตของผู้ผลิตกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโครงการยกระดับศูนย์กลางการพัฒนาอัตลักษณ์กาแฟอะราบิก้าภาคเหนือ ด้วย การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเมล็ดกาแฟอาราบิก้า ซึ่งมีการเพาะปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนกว่า 7 หมื่นไร่ ให้มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นในด้านกลิ่น รสชาติ ส่งเสริมกระบวนการคั่ว ยกระดับธุรกิจผ่านแนวทางการเกษตรสร้างสรรค์ ด้วยการผลักดันกาแฟในแต่ละดอยมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวของตัว เพิ่มโอกาสในการขยายตลาด ด้วยการผลักดันให้กาแฟแต่ละแบรนด์ หรือ แต่ละแหล่งเพาะปลูกมีโอกาสเข้าถึงช่องทางการค้าออนไลน์ ห้างสรรพสินค้า หรือ เครือข่ายร้านกาแฟที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งส่งเสริมการออกแบบสินค้า การจดสิทธิบัตร – ขึ้นทะเบียนสินค้าเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) รวมถึงการบ่มเพาะวิธีการสร้างเรื่องราว (Story Telling) หรือการสร้างคอนเทนต์ โดยอาศัยความพิเศษของวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อปลุกระแสให้เกิดเทรนด์การดื่มกาแฟ 1 กลิ่น 1 แก้ว 1 วันให้เข้าถึงกลุ่มร้านค้าและผู้บริโภคในอนาคต .-สำนักข่าวไทย