กรุงเทพฯ 5 พ.ย.-บีโอไอ เดินหน้าจัดหลักสูตรฝึกอบรม “สร้างนักลงทุนไทยไปต่างประเทศ TOISC รุ่นที่ 19” พัฒนาทักษะความรู้ เสริมสร้างเครือข่ายให้แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อเตรียมพร้อมออกไปลงทุนในต่างประเทศ ชี้แนวโน้มกลุ่มนักลงทุนไทยต่อยอดการลงทุนสู่กลุ่มตลาดใหม่แถบเอเชียใต้ และแอฟริกา นอกเหนือจากเพื่อนบ้านอาเซียน
น.ส.ซ่อนกลิ่น พลอยมี รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา บีโอไอ โดยกองพัฒนาผู้ประกอบการไทย สนับสนุนนักลงทุนไทย ทั้งการมอบหมายผู้แทนสำนักงานไปประจำการในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ เวียดนามและอินโดนีเซีย โดยมีการดำเนินโครงการศูนย์พัฒนาการลงทุนในต่างประเทศ หรือ Thai Overseas Investment Support Center : TOISC ผ่านหลักสูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” ซึ่งดำเนินการมาแล้วจำนวน 18 รุ่น มีนักลงทุนผ่านการอบรม 609 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ได้ไปลงทุนในต่างประเทศแล้วกว่า 300 ราย ทั้งในภาคการผลิต และบริการ เช่น เกษตรและเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ส่วนใหญ่การลงทุนอยู่ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งในระยะหลังมีการขยายการลงทุนไปยังกลุ่มตลาดใหม่เพิ่มขึ้นในแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา ตลอดจนแถบแอฟริกา ซึ่งเป็นผลมาจากศักยภาพของนักลงทุนไทยในการขยายการลงทุนและขยายตลาดในต่างประเทศ
ล่าสุดบีโอไอได้จัดอบรมหลักสูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ รุ่นที่ 19” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 50 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ บรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ก่อสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนโลหะและพลาสติก พลังงานและพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมดิจิทัล และโลจิสติกส์ เป็นต้น
“การไปลงทุนในต่างประเทศนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี หลักสูตรการอบรมของบีโอไอ จึงเน้นให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนที่จะเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในเวทีต่างประเทศ โดยสิ่งที่เป็นผลพลอยได้ที่สำคัญที่สุดจากหลักสูตรการอบรมเพื่อสร้างนักลงทุนไทยไปต่างประเทศนี้ คือ เครือข่ายที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เข้าร่วมอบรม ทั้งในรุ่นเดียวกันและรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง และในอนาคตกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อไป” รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าว.-สำนักข่าวไทย