ทำเนียบรัฐบาล 28 ต.ค.-นายกฯ ย้ำที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย การเข้าถึงวัคซีนและยาต้านโควิด-19 อย่างทั่วถึง คือปัจจัยสำคัญการแก้ปัญหา-ฟื้นตัวศก.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 18 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมประชุม โดนนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อาเซียนและอินเดียเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันมาโดยตลอด เชื่อมั่นว่าอาเซียนและอินเดียจะร่วมกันสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้คนในรุ่นหลังต่อไปได้
“เราต้องมองไปข้างหน้ามากขึ้น ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือใน 3 ประเด็น ประการแรก การส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนและยาต้านโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นธรรมและรวดเร็ว จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และยินดีที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยาและวัคซีนแหล่งสำคัญของโลกประกาศจะส่งออกวัคซีนอีกครั้ง เพื่อช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของการบริหารจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ในการกระจายยาและวัคซีน โดยอาเซียนและอินเดียยังสามารถร่วมมือกันพัฒนายาและวัคซีน เพื่อช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขในระยะยาวได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการที่สอง การส่งเสริมความเชื่อมโยงเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบและเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อทำให้การค้าการลงทุนขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการทางหลวงสามฝ่าย ที่จะช่วยเติมเต็มเส้นทางเชื่อมโยงทางบกระหว่างอาเซียนกับอินเดีย และขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้และกลุ่ม BIMSTEC ซึ่งไทยจะเป็นประธานในปี ค.ศ. 2022 – 2023 รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงในระดับประชาชน โดยเฉพาะการฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยจะต้องสร้างความมั่นใจว่าสามารถเดินทางระหว่างกันอย่างสะดวก ปลอดภัยและมีแนวทางรับรองเอกสารการฉีดวัคซีนร่วมกัน รวมทั้ง สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์เกี่ยวกับมาตรการในการเปิดพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวได้ ซึ่งไทยมีตัวอย่างคือ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เริ่มดำเนินการแล้ว และในขณะนี้ไทยกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนต่อไป
“ประการที่สาม การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ที่ดีกว่า โดยไทยผลักดันความร่วมมือกับอินเดียในด้านการเติบโตสีเขียว เศรษฐกิจภาคทะเลที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เกษตรอัจฉริยะ และพลังงานหมุนเวียน เพื่อร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่นำมาใช้สนับสนุนการฟื้นฟูภูมิภาคจากโควิด-19 ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือแบบมองไปข้างหน้าเป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดทิศทางความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับอินเดียในอนาคต โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2565 ที่อาเซียนและอินเดีย จะฉลองโอกาสความสัมพันธ์ครบรอบ 30 ปี นอกจากนี้ การรับรองแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-อินเดีย ว่าด้วยความร่วมมือต่อมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก ในครั้งนี้ จะส่งเสริมความร่วมมือภายใต้มุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก กับ ข้อริเริ่มมหาสมุทรอินโด-แปซิฟิกของอินเดีย
นายนเรนทร โมที นายรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวว่า อาเซียน-อินเดียเป็นความร่วมมือที่แนบแน่น แม้จะประสบความท้าทายจากโควิด-19 ซึ่งอินเดียยินดีให้ความร่วมมือกับอาเซียน อินเดียมีความเชี่ยวชาญด้านยา และเวชภัณฑ์เพื่อให้ภูมิภาคผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ตลอดจนให้ความสำคัญกับความเป็นเเกนกลางของอาเซียนในนโยบายมองตะวันออกของอินเดีย โดยเห็นว่าควรเพิ่มความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงในระดับประชาชน เพื่อเสริมความเข้มเเข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมการค้าในภูมิภาค ทั้งนี้ อินเดียยืนยันพร้อมร่วมมือกับอาเซียนเพื่อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย.-สำนักข่าวไทย