กรุงเทพฯ 22 ต.ค.-เมื่อคืนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ลงนามประกาศสำคัญ 2 ฉบับ สาระสำคัญ คือ การประกาศ 17 จังหวัดที่เป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และจะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่นั้นๆ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในคำสั่ง ศบค. ที่ 18/2564 เรื่อง “พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว” โดย 17 พื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วย
ภาคเหนือ คือ จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่ริม และอำเภอแม่แตง)
ภาคอีสาน ประกอบด้วย บุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์) , เลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน), หนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอท่าบ่อ) , อุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอหนองหาน และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม)
ภาคกลาง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก) , เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) , สมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)
ภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่), ตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง), ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)
ภาคใต้ ประกอบด้วย กระบี่, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม),สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า)
นอกจากนี้ยังมีการออกข้อกำหนดใน 17 พื้นที่นำร่องเที่ยว โดยมีสาระสำคัญ ทั้งการมอบหมายให้บูรณาการป้องกันโรคในพื้นที่ สถานที่/กิจการในพื้นที่นำร่องฯ เปิดดำเนินการได้ตามเงื่อนไข ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เฉพาะ 17 พื้นที่นำร่องฯ) ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 500 คน รวมถึงยังไม่อนุญาตให้เปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ
อย่างไรก็ตาม หากดูตามรายชื่อ 17 จังหวัดในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวฯ จะพบว่ามี 4 จังหวัดในพื้นที่สีแดงเข้มถูกประกาศให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่), ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) และสมุทรปราการ (เฉพาะพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) ดังนั้น 4 พื้นที่เหล่านี้จะไม่มีการบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว โดยจะให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม เป็นต้นไป
ก่อนหน้าที่ราชกิจจานุเบกษาจะออกประกาศ นายกรัฐมตรี โพสต์ Facebook ส่วนตัว โดยบอกว่า ในเบื้องต้นการพิจารณาประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะเข้าไทยได้มีอยู่ด้วยกัน 10 ประเทศ แต่หลังจากได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงได้เพิ่มจำนวนประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรกที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัวเป็น 46 ประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ และมีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด โดยมีการตรวจก่อนออกเดินทาง และตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
สำหรับ 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำที่จะเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว พบว่ามีประเทศในแถบเอเชีย 14 ประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศกำลังซื้อสูง อาทิ จีน, ญี่ปุ่น, บรูไน, มาเลเซีย, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง และยูเออี
กลุ่มประเทศในยุโรปมี 27 ประเทศ เช่น เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, สเปน, สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร แต่ที่น่าสนใจ คือ ไม่ได้อนุญาตประเทศ “รัสเซีย” เพราะเข้าใจว่าสถานการณ์โควิด-19ยังระบาด
สำหรับประเทศในอเมริกาเหนือมี 2 ประเทศ คือ แคนาดา และ สหรัฐ ส่วนทวีปอเมริกาใต้ อนุญาตให้เฉพาะแค่ประเทศชิลี เพราะจากข้อมูลพบว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนทวีปแอฟริกาไม่มีประเทศไทยได้รับอนุญาตให้เข้าไทย ส่วนทวีปออสเตรเลีย มีทั้งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์.-สำนักข่าวไทย