กรุงเทพฯ 28 ก.ย.-บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 12 ตุลาคมนี้ ขอมติเรื่องการรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซียจาก CPRH เร่งขยายงานต่างประเทศ ชูแพลตฟอร์ม O2O และอีคอมเมิร์ซ
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร หรือ MAKROเปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) และเพิ่มทุนจดทะเบียน รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement หรือ PP) และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการทำธุรกรรมดังกล่าว
การเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสการเติบโต จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ ทั้งเอสเอ็มอี เกษตรกรและผู้ผลิตสินค้า ร่วมเติบโตไปด้วยกันในระดับภูมิภาค ผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการไทย
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทฯ จะพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร- กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร สายงาน Group Shared Service กล่าวว่า การรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ จะทำให้บริษัทฯ มีมาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ใหญ่ขึ้น และส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่สามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทฯ เตรียมดำเนินการขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (PO) ซึ่งเมื่อกระบวนการเสนอขายเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย จะเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต์) เป็นไม่ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะส่งผลให้หลักทรัพย์ของบริษัทฯ มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่าง ๆ และเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น
โดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ คือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF) ซึ่งจะได้รับหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าว จะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ตนถืออยู่ในบริษัทฯ ด้วยบางส่วนพร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย .–สำนักข่าวไทย