กทม. 7 ก.พ. – สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร นับเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ องค์ที่ 3 ที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2470 ณ หมู่บ้าน ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อ นับ โยมมารดาชื่อ ตาล ประสัตถพงศ์ ทำอาชีพค้าขาย มีพี่น้อง 9 คน ท่านเป็นคนที่ 2 เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4 จ.ลพบุรี ปัจจุบันชันษา 89 ปี พรรษา 68
เส้นทางภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ของพระสังฆราช เริ่มต้นจากการบวชเณรเมื่อปี 2480 เป็นการแก้บนที่มารดาบนไว้กับหลวงพ่อบ้านแหลม ตอนไม่สบาย และเมื่อศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้ง จึงตัดสินใจเดินตามรอยพระพุทธองค์ สืบสานพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต
เมื่อครั้งเป็นสามเณร จำพรรษาที่วัดตรีญาติ จ.ราชบุรี ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค 10 ปีต่อมาย้ายมาจำพรรษาที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2491 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18 เป็นพระอุปัชฌาย์ และสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า อมฺพโร
สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค แล้วไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย สำเร็จปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปี 2500 ในปี 2509 เข้าอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ โดยเป็นพระธรรมทูตรุ่นแรก จากนั้นศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี 2512 และทำงานด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ปี 2516 เป็นหัวหน้าพระธรรมทูต เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และอีกหลายเมือง
สมเด็จพระสังฆราชเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร พระกรรมฐานชื่อดังวัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร โดยไปจำพรรษาอยู่ 1 พรรษา เคยร่วมปฏิบัติธรรมกรรมฐานกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระปริยัติกวี ปี 2514 เลื่อนสมณศักดิ์โดยลำดับจนเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ที่พระสาสนโสภณ เมื่อปี 2543 เป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ลำดับที่ 6 สืบต่อจากสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี เมื่อปี 2551 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ที่สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552
พระองค์สร้างคุณูปการสำคัญแก่วงการพระพุทธศาสนามากมาย วางรากฐานและนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ยังต่างประเทศ รวมถึงมีบทบาทสำคัญกับงานด้านการศึกษา ด้านสาธารณูปการ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ งานปกครองคณะสงฆ์ ดำรงตำแหน่งมากมาย อาทิ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 กรรมการคณะธรรมยุต และแม่กองงานพระธรรมทูต. – สำนักข่าวไทย