ทำเนียบรัฐบาล 17 พ.ย.- คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเห็นชอบโครงการเร่งด่วนภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกปี 2560 จำนวน 48 โครงการ วงเงินรวมเกือบ 7,000 ล้านบาท จากแผน 5 ปี วงเงินลงทุนกว่า 700,000 ล้านบาท
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (คนพ.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (ปี 2560-2564) โดยโครงการที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปี 2560 จำนวน 48 โครงการ วงเงินรวม 6,992 ล้านบาท ใช้งบกลางปี 2560 เพื่อเริ่มลงทุนโครงการต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
โดยในปี 2560 ต้องเริ่มสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงต่อขยาย พัทยา-มาบตาพุด รองรับรถได้ 72,000 คันต่อวัน คาดแล้วเสร็จในปี 2561 การขยายช่องทางจราจร ทั้งหมายเลข 3,33,304,314,331 เชื่อมต่อกันในภาคตะวันออก ระยะทาง 1,000 กิโลเมตร การสร้างรางรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-คลอง19-ฉะเชิงเทรา การสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 3 และท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 รองรับรถยนต์วิ่งผ่านท่า 2.95 ล้านคันต่อปี ขนส่งสินค้า 18 ล้าน TEUต่อปี การเริ่มก่อสร้างท่าอากาศยานอู่ตะเภา ทั้งรันเวย์ อาคารที่พักผู้โดยสาร
การจัดตั้งนิคมอุตสหากรรมเป้าหมาย S-Curve เพื่อกำหนดให้เป็นอุตสาหกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัจจุบันได้มีนักลงทุนต่างชาติยื่นขอรับสิทธิ์การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ประมาณ 18,354 ล้านบาท เพื่อเข้าไปลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยทุกหน่วยงานต้องเร่งระดมเข้าไปร่วมพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้บังเกิดผลโดยเร็วภายใน 1-3 ปี เพื่อเดินหน้าสร้างเมืองใหม่รองรับการลงทุนในเขตจัหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อปรับผังเมือง สิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เชื่อมโยงกับการพัฒนาเมือง และสิ่งแวดล้อมเมือง การท่องเที่ยว สาธารณสุขและระบบบริการที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนวัตกรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กระทรวงดิจิตอลจะเข้ามาช่วยวางโครงสร้างพื้นฐานระบบข้อมูล อินเตอร์เน็ต รองรับการสร้างเมืองสมาร์ทซิตี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างความรับรู้ความเข้าใจ การเตรียมแผนรองรับผลกระทบ ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มอบหมาย สศช. ปรับปรุงแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (ปี 2560-2564) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปีแผนงบประมาณ พร้อมทั้งระบุผลประโยชน์ที่จะได้รับ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เนื่องจากต้องใช้งบลงทุนทั้งจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ การร่วมลงทุนกับภาคเอกชนกว่า 700,000 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม รองรับการลงทุนในปี 2560 ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท และในช่วงต้นปีหน้ารัฐบาลได้เตรียมเดินหน้าจัดโรดโชว์ครั้งใหญ่ในประเทศ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560 เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย