พรรคเพื่อไทย 10 พ.ค.- โฆษกเพื่อไทย จี้ นายกฯ แจง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ รัฐบาลไม่ผิดแก้โควิดพลาดหรือไม่ พร้อมถาม “อนุทิน” เหตุใดบุรีรัมย์ได้ไฟเซอร์มากกว่าพื้นที่ระบาดหนัก
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎเอกสาร ร่าง พ.ร.ก. จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ว่า แม้ในหัวข้อของกฎหมายจะจำกัดไว้เพียงบุคลากรสาธารณสุข แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวมการนิรโทษกรรมเหมาเข่งให้กับรัฐบาลหรือไม่ เพราะเมื่อเปิดเข้าไปดูในเนื้อหารายละเอียด ได้มีการสอดไส้การจำกัดความผิดรวมถึง “บุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน” ซึ่งหมายถึงรัฐบาล ศบค.ทั้งองคาพยพและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่รัฐบาลบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลว ท่ามกลางความเจ็บป่วย ล้มตาย ของพี่น้องประชาชน ทั้งยังจัดหาวัคซีนล่าช้า ส่อทุจริต ไม่โปร่งใส ดูแคลนบุคลากรทางการแพทย์ การทำงานของรัฐบาลทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด แต่ทำได้ดีอยู่อย่างเดียวคือใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปกป้องความผิดของตัวเองและพวกพ้อง
ส่วนกรณีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส นั้น โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขควรครอบคลุมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าตัวจริง โดยไม่ควรปล่อยให้สังคมตั้งคำถามและทวงถาม วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับมาเพียงพอกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ หากกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรตามแผนงานที่วางไว้ แต่กลับทำงานไม่โปร่งใส จนทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งออกมาขอวัคซีนไฟเซอร์ให้หมอและบุคลากรการแพทย์ให้ครบตามจำนวนที่ขอไป รวมถึงข้อสงสัยของสังคมถึงกรณีที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เป็นอันดับ 3 ทั้งที่ไม่ใช่จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากสุด แต่เป็นจังหวัดที่รัฐมนตรีสาธารณสุขมีความใกล้ชิดมากที่สุด ใช่หรือไม่ เรื่องนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ต้องโปร่งใสและมีความชัดเจน ควรเร่งออกมาชี้แจงเรื่องนี้โดยด่วน
“หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ควรละอายต่อการทำงานที่ผิดพลาดล้มเหลวบ้าง ยิ่งอยู่ ยิ่งแย่ ยิ่งแก้ ยิ่งพัง ออกไปเถอะค่ะก่อนที่ประเทศจะเสียหายไปมากกว่านี้” น.ส.อรุณี กล่าว. สำนักข่าวไทย