กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – ดัชนี SET Index ครึ่งปีแรก ปรับเพิ่มขึ้น 9.6% แนะนักลงทุนกระจายการลงทุน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโต โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 มูลค่าการส่งออกไทยเพิ่มขึ้นถึง 41.59% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ค่อนข้างล่าช้า ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วงต้นปี
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 SET Index ปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลง 0.4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์ และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 97,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 6 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 98,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือนมิถุนายน 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,947 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 77,817 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 111,278 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในเดือนมิถุนายน 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน mai 1 บริษัท โดยใน 6 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN
ด้าน Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 29.8 เท่า ตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 22.4 เท่าตามลำดับ และอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 2.34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ 2.24% ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 642,603 สัญญา เพิ่มขึ้น 7.6% จากเดือนก่อน สาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures. – สำนักข่าวไทย