กรุงเทพฯ 7 มิ.ย.-สาวใหญ่วัย 55 ปี อ้างประกอบธุรกิจเครื่องเพชร เข้ามอบตัวคดีหลอกให้อดีตอาจารย์จุฬาฯ ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากรวมกว่า 21 ล้านบาท ด้านเจ้าตัวปฏิเสธอ้างได้เงินที่ได้รับมาเป็นความกตัญญู จึงได้มาด้วยความเสน่หา
จากข่าว นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความพา ผศ.ขนิษฐ์ ตันฑวิรัตน์ อายุ 84 ปี อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับ สาวใหญ่คนสนิทอายุ 55 ปี อ้างประกอบธุรกิจเครื่องเพชร ในข้อหาฉ้อโกงโดยใช้กลอุบายหลังเข้ามาตีสนิทและถอนเงินออกไปกว่า 21.8 ล้านบาท เหลือติดบัญชีเพียง 70,000 บาท ทั้งที่ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ญาติ เมื่อทวงถามผู้ก่อเหตุไม่ยอมคืน อ้างผู้เสียหายให้ด้วยความเสน่หา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าคดีล่าสุด สาวใหญ่คนดังกล่าวพร้อมทนายความเข้ามอบตัว ที่ สน.พหลโยธินและรับทราบข้อหาฉ้อโกงโดยใช้กลอุบาย เบื้องต้นให้การปฏิเสธ อ้างว่าเงินที่ได้รับมาเป็นความกตัญญูจึงได้มาด้วยความเสน่หา เรื่องจำนวนเงินไม่ขอพูด เนื่องจากยังอยู่ในคดีความ ทันทีที่ทราบข่าวรู้สึกเหมือนถูกระเบิดลง คิดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นความรู้สึกคุณอาที่ดูแลกันมากว่า 40 ปี ไม่ใช่แค่ระยะ 2-3 เดือน ส่วนเรื่องคดีขอเป็นตามกฎหมาย หากผิดจริงพร้อมน้อมรับความผิด แต่ขอพื้นที่ให้แสดงความบริสุทธิ์ด้วย
ขณะเดียวกัน นางขนิษฐ์ ผู้เสียหายและทนายความ มาติดตามคดีด้วยตนเอง เพื่อให้คืนเงินให้ อีกทั้งจะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดกับคนที่รับโอนเงิน 5 คนข้อหา “รับของโจร” ด้วย ทั้งนี้ เมื่อนางขนิษฐ์ ได้พบกับสาวใหญ่คนสนิทคนดังกล่าว ก็ตัดพ้อว่าทำไมถึงทำกันอย่างนี้ พร้อมขอเงินคืนเพราะเป็นเงินที่สะสมทั้งชีวิต ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไร โดยนางขนิษฐ์ระบุรู้จักสาวใหญ่คนสนิทแบบผิวเผิน ไม่สนิท
ด้าน นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความเปิดเผยว่าวันนี้แจ้งความดำเนินคดี เพิ่มเติมกับ ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทแห่งหนึ่งและกรรมการผู้จัดการบริษัท 5 คน ในข้อหารับของโจร หลังมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินซึ่งเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่อายัดไว้ได้ 1 บัญชี มีเงิน 3 ล้านบาท ส่วนบัญชีอื่นนั้นตามไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับนางขนิษฐ์ เป็นภรรยาของนายมนตรี ตัณฑวิรัตน์ อดีตรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 และต่อมาหลานชายผู้ดูแลนางขนิษฐ์ก็เพิ่งเสียชีวิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เศร้าโศกประกอบกับความชราและอาการหลงๆ ลืมๆ ผู้เสียหายอ้างว่าถูกใช้อุบายพาไปลงชื่อเบิกเงินออกจากบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาลาดพร้าว 33 จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 21 ล้าน 8 แสนบาท
นอกจากนี้ วันที่ 29 เมษายน นางขนิษฐ์ ยังถูกหลอกให้ปิดบัญชีที่สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง แล้วให้นำเงินจำนวน 13 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 33 ของนางขนิษฐ์ เพื่อเตรียมหลอกให้ไปถอนเงินจำนวนดังกล่าวอีก แต่คนดูแลเห็นผิดปกติ จึงรีบแจ้งญาติตรวจสอบทราบจากธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 33 ว่าเงินถูกถอนออกจากบัญชีธนาคารกรุงไทยต่างสาขาจำนวน 21 ล้าน 8 แสนบาท เมื่อทวงถามเงินคืน กลับอ้างว่าให้ด้วยความเสน่หาไม่ยอมคืนแถมยังท้าทายให้แจ้งความ .-สำนักข่าวไทย