กระทรวงมหาดไทย 13 พ.ค.- มท.1 มอบนโยบายการป้องกันและควบคุมโควิด-19 กับผู้ว่าฯทั่วประเทศ เน้นย้ำ รณรงค์ปฏิบัติมาตรการสาธารณสุขพื้นฐานและเตรียมความพร้อมฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายเพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และหารือข้อราชการอื่น ๆ โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังศาลากลางจังหวัด ทุกจังหวัด และถ่ายทอดผ่านระบบ DOPA Channel ไปยังที่ว่าการอำเภอทุกแห่งทั่วประเทศ
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้บริหารสถานการณ์โควิด-19 ผ่านกลไกของทุกจังหวัดและอำเภออย่างเข้มข้นและได้รับการสนับสนุนจากทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงขอชื่นชมและขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร จิตอาสา และประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ จากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความจำเป็นต้องอาศัยกำลังและความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่ายในการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงต่อไป
พลเอก อนุพงษ์ ได้มอบนโยบายในการป้องกัน ควบคุมและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ การเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนของจังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้เรื่องวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการบริหารจัดการวางแผนการกระจายวัคซีน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยให้เร็วที่สุด โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมการ คือ เมื่อวัคซีนเข้ามาในระยะต่อไป ต้องกระจายและฉีดให้กับประชาชนไปยังกลุ่มต่างๆ จึงให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้เข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่ และช่วยเหลือประชาชนในการกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่น หมอพร้อมเพื่อสามารถบริหารจัดการจำนวนวัคซีนได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึง ให้จัดเตรียมสถานที่บริการฉีดวัคซีนให้มีความพร้อม
ส่วนมาตรการควบคุมการลักลอบเข้าประเทศและการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ขอให้ทุกพื้นที่ดำเนินการกักกัน (Quarantine) ผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้องให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น และสกัดกั้นควบคุมการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยประสานกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างสูงสุด พร้อมสร้างการรับรู้ประชาชนช่วยตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน ชุมชน มิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า ขอให้รณรงค์ประชาชนและทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A อย่างเข้มข้น ไม่รวมกลุ่มหรือสัมผัสใกล้ชิดกัน พร้อมเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการลักลอบเล่นการพนัน รวมถึงกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกัน อีกทั้งต้องให้ความสำคัญในการวางมาตรการตรวจคัดกรองเชิง ในสถานที่เสี่ยงในพื้นที่ เช่น โรงงาน ตลาด และชุมชน ให้มีความต่อเนื่อง และให้ทุกจังหวัดพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทั้งด้านสถานที่ ระบบบริหารจัดการ ระบบการบูรณาการข้อมูลผู้ติดเชื้อและการส่งต่อ อีกทั้ง ขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นนทบุรี สมุทรสาคร ภูเก็ต เชียงราย นราธิวาส และผู้แทนกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ โควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีนในพื้นที่ ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาการฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นลำดับต้น เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียนซึ่งกำลังจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิถุนายนนี้.-สำนักข่าวไทย