กรุงเทพฯ 22 เม.ย.- ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ยืนยันเอกชนพร้อมสนับสนุนภาครัฐจัดหาวัคซีนโควิด เพื่อกระจายการฉีดให้เร็วที่สุด ยอมรับกังวลในประเด็นต้องเร่งหาบุคลากรที่สามารถบริการฉีดวัคซีนให้เพียงพอ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ให้สัมภาษณ์ในรายการ ”นาทีลงทุน” ช่อง MCOT HD หมายเลข 30 เช้าวันนี้ (22 เม.ย.) ว่า ในส่วนของภาคเอกชน ยืนยันว่าพร้อมให้การสนับสนุน แก้ไขปัญหาการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐอย่างเต็มที่ใน 4 ด้าน คือ การจัดทีมเรื่องการกระจายและฉีดวัคซีน ทีมปฎิบัติการที่เกี่ยวกับการลงทะเบียน ทีมการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีน และทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยประธาน กกร. ระบุว่า ในขณะนี้ภาคเอกชนได้ยืนยันความพร้อมที่จะมีการจัดหาวัคซีน จำนวน 5 ล้านโดส ซึ่งจะเป็นในส่วนของเอกชนที่พร้อมลงทุน เพื่อนำวัคซีนมาใช้ ซึ่งจะช่วยลดภาระภาครัฐ โดยในส่วนนี้ไม่รวมกับกรณีที่ภาครัฐประกาศจะมีการจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะมีสัดส่วนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกของโรงพยาบาลเอกชน 10-15 ล้านโดส
ส่วนประเด็นเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ ซึ่งยอมรับว่า ขณะนี้ขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนและฉีดให้แก่ประชาชนให้เร็วที่สุดนั้น ในส่วนภาคเอกชนก็พร้อมให้การสนับสนุนสถานที่ฉีด ทั้งในห้างสรรพสินค้า สถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเรื่องความเพียงพอของบุคลากรการแพทย์ที่สามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ อาจมีไม่เพียงพอ ดังนั้น ในระยะสั้นนี้ต้องมีการเร่งระดมอบรม เพื่อให้มีบุคลากรส่วนนี้เพิ่มด้วย
ขณะที่ผลกระทบที่มีต่อการเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือภาคการท่องเที่ยว ยอมรับว่าใน 3 เดือนนี้ คือ เมษายน-มิถุนายน ปีนี้ ตัวเลขท่องเที่ยวจะหยุดชะงักแน่นอน จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้การกระจายวัคซีนทั่วถึงเร็วที่สุด เพราะหากต้องใช้เวลากระจายวัคซีนอีก 3 เดือน ก็จะทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวยิ่งลากยาวออกไปอีก ส่วนภาพรวมขณะนี้ เป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้จะมีการเปิดประเทศ 1 กรกฎาคมปีนี้นั้น ยอมรับว่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ซึ่งหากนักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ก็สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้
ส่วนผลกระทบที่มีต่อตัวเลขเศรษฐกิจขณะนี้ ประธาน กกร. ระบุว่า ที่ผ่านมา กกร.ได้ปรับลดประมาณการจีดีพีในปีนี้ไปแล้ว ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-3 ตามกรอบที่พิจารณาว่า ทั่วโลกเริ่มมีการกระจายฉีดวัคซีนทั่วถึงแล้วหลายประเทศ ขณะที่ในประเทศ ภาครัฐจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณกว่า 200,000 ล้านบาท และมีการฉีดกระจายวัคซีนในสัดส่วนที่มากพอ เพราะหากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อาจทำให้เศรษฐกิจไม่โต หรือติดลบได้.-สำนักข่าวไทย